Skip to main content

TokyoAround-4190472
หลังจากตอนที่แล้วได้ไปทำกิจกรรมที่ดูมีความรู้เต็มเปี่ยมกันแล้ว วันนี้ก็ไปทำกิจกรรมกันแบบติ่งๆกันเถอะ สำหรับบทความนี้เป็นตอนที่ 3 สามารถติดตามตอนอื่นๆได้จากสารบัญเน้อ

สารบัญ: ญี่ปุ่นไปรอบๆ

วันที่ 19 เมษายน 2015

หลังจากคืนที่ 2 ที่ญี่ปุ่น วันนี้ทางกลุ่ม 4 คนของเราได้แยกเป็น 2 กลุ่มเพื่อไปทำกิจกรรมตามที่แต่ละกลุ่มชื่นชอบ โดยผู้เขียนและแพตตี้เลือกที่จะไปลองสัมผัสประสบการณ์อีเวนท์ขายโดจินชิกัน (อธิบายเพิ่มเติมไว้เล็กน้อยว่า โดจินชิ (Doujinshi, 同人誌) ความหมายคือนิตยสาร/สิ่งพิมพ์แบบมือสมัครเล่น ทำกันเองในหมู่ผู้ชื่นชอบ ไม่ได้มีความหมายว่าการ์ตูนเรท 18+ ตามที่หลายคนเข้าใจ ‘ ‘/)

โดยงานขายโดจินชิที่เราจะไปกันในวันนี้คืองาน ~เลิฟไลฟ์! นิชิคิโนะมากิจังออนลี่อีเวนท์~ (~ラブライブ!西木野真姫ちゃんオンリーイベント~) เรียกย่อๆว่างานมากิทัน (ทันในที่นี่มาจากทันโจบิ (たんじょうび) ที่แปลว่าวันเกิด) ซึ่งจัดได้เป๊ะมากเนื่องจากวันที่ 19 เมษา เป็นวันเกิดของ นิชิคิโนะ มากิ (西木野真姫) หนึ่งในสมาชิกวงมิวส์ ตัวละครหลักของอนิเมชั่นเลิฟไลฟ์! ที่พวกเรากำลังติ่งอยู่

มากิจัง

มากิจัง

ถึงสมาชิกวงมิวส์จะมี 9 คน และต่างคนต่างมีสไตล์ต่างกันไป แต่ผู้เขียนชอบทุกคน ฉะนั้นจึงไม่มีสาเหตุให้ต้องปฏิเสธการไปงานโดจินฯแต่อย่างใด และเนื่องจากเมื่อวานนั้น คุณแม่ค้าพี่ยุยให้คำแนะนำมาว่า ให้ไปเช้าๆ ไปถึงตั้งแต่ 6 โมงเลยยิ่งดี พวกเราจึงตื่นตอน 6 โมงเช้าแล้วค่อยเดินทางกัน (เชื่อฟังดีจริงๆ..)

โดยงานนี้จัดขึ้นที่ พลาซ่าอุตสาหกรรมเขตโอตะ PiO (大田区産業プラザPiO) นอกตัวเมืองไปซักเล็กน้อย สามารถเดินทางไปถึงได้ง่ายด้วยการไปสถานีJR ชินากาว่า (Shinagawa) จากนั้นต่อสายเคย์คิวหลัก (Keikyu Main Line) ลงที่สถานีรถไฟ เคย์คิวคามาตะ (Keikyukamata) จากนั้นเดินตามป้ายบอกเรื่อยๆก็จะมาถึงได้โดยไม่ยากนัก

อนึ่งการขึ้นรถไฟสายเคย์คิวที่สถานีชินากาว่าจะมีขบวนรถหลายแบบ ทั้งแบบธรรมดาหวานเย็นจอดทุกป้าย และแบบด่วน ขอให้เลือกดีๆก่อนขึ้น ถ้าต้องการเดินทางด้วยความรวดเร็วก็หาแบบด่วนขึ้นก็จะดีกว่ามากๆ

ระหว่างทางไป PiO จากสถานีเคย์คิวคามาตะ

ระหว่างทางไป PiO จากสถานีเคย์คิวคามาตะ (เห็นตัวตึกพร้อมป้ายในภาพ)

ตอนไปนี้ฝนโปรยเล็กน้อยตั้งแต่เช้า (พวกเรามาถึงประมาณ 9 โมงเช้า งานเริ่ม 11:30) โดยเมื่อมาถึงหน้า PiO ก็ได้พบว่ามีผู้คนมายืนรอกันประมาณ 20 คนแล้ว แต่ไม่ได้มีการตั้งแถวอะไร ทำให้พวกเราอดคิดมากไม่ได้ว่าเขาไปตั้งแถวกันที่ไหนรึเปล่า หรือว่าไปจัดที่อื่น

เหล่าผู้มารอเข้างาน

เหล่าผู้มารอเข้างาน

ตอนแรกพวกเราไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร หนาวก็หนาว เลยเดินเล่นภายในอาคารซะเลยเพื่อเป็นการสำรวจ ก็พบว่าในตัวอาคารฮอลใหญ่มีการตั้งโต๊ะเอาไว้ปริมาณมากพอสมควร แต่ฮอลเล็ก (小展示ホール) ซึ่งเป็นที่จัดงานมากิอีเวนท์ที่จะไปกันอยู่ที่ชั้น 2 ซึ่งตอนแรกก็ไม่แน่ใจว่าตรงไหน..

ทางขึ้นฮอลเล็ก

ทางขึ้นฮอลเล็ก

โดยเดินวนไปมาสำรวจที่ทาง ข้างหน้าตึกก็มีการติดป้ายประกาศแล้วว่าวันนี้จะมีงานอะไรจัดในตึกบ้าง ก็ได้พบว่ามีงานโดจินชิของไอดอลมาสเตอร์ (THE iDOLM@STER) จัดด้วย

แปะกันสดๆ

แปะกันสดๆ

โดยเมื่อลองดูๆแล้ว พบว่างานไอมาสเปิดก่อน ส่วนงานของฝั่งเลิฟไลฟ์!จะเปิดให้ “ตั้งแถว” ที่เวลา 10:30 น. และเปิดให้เข้างานตอน 12:00 น. เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมพวกเรามาตั้งแต่เช้าจึงไม่พบขบวนตั้งแถว เพราะว่าสตาฟของงานยังไม่ออกมากำหนดว่าตั้งแถวอย่างไรนี่เอง (คงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของการจัดการงานอีเวนท์ในระดับที่ไม่ใหญ่มาก)

อนึ่งการเข้าร่วมงานทั้ง 2 งาน (หรืองานโดจินชิอื่นๆในญี่ปุ่น) จะต้องมีการซื้อบัตรเข้างาน โดยบัตรเข้างานจะมาในรูปแบบของ แคตาล็อก เป็นเล่มๆโดจินเนี่ยแหละ (พวกเราซื้อกันตั้งแต่วันก่อนนี้แล้ว จึงไม่ต้องกังวลเรื่องการเข้าคิวซื้อแคตาล็อก แค่รอเข้างานก็พอ)

ตัวแคตาล็อกเข้างานจะเปิดขายตั้งแต่ก่อนตั้งแถวแล้ว สำหรับทั้ง 2 งาน ใครไม่มีเข้าไม่ได้

ตัวแคตาล็อกเข้างานจะเปิดขายตั้งแต่ก่อนตั้งแถวแล้ว สำหรับทั้ง 2 งาน ใครไม่มีเข้าไม่ได้

หน้าตาของแคตาล็อกเข้างานมากิออนลี่อีเวนท์

หน้าตาของแคตาล็อกเข้างานมากิออนลี่อีเวนท์

มาโต๋เต๋รอ

มาโต๋เต๋รอเรียกแถว แฟนๆเลิฟไลฟ์!เป็นสาวๆเยอะทีเดียว

ไฮไลท์อยู่ตรงนี้ พอถึงเวลาเรียกให้เข้าแถว ทางสตาฟของงานจะออกมาบอกกันสดๆตรงนั้นหละ ว่าเข้าแถวกี่แถว แถวละกี่คน หัวแถวอยู่ตรงไหน พวกเราก็ตามๆไปเข้าแถวกับเขาด้วย (งานนี้ไม่มีภาษาอังกฤษใดๆหลุดมาแม้แต่ประโยคเดียว คาดว่าไม่มีใครคิดว่าจะมีไกจิน 2 คนมาแฝงแถวๆนี้ด้วยหละมั้ง..) ก็มั่วๆเข้าไป เป็น 4 แถวๆละ 25 คน เป็นขบวนแถวแรกสำหรับเข้างาน

ทีนี้แถวไหนจะได้ไปก่อน คำตอบคือ ขึ้นกับการ เป่า ยิ้ง ฉุบ ของหัวแถวนั่นเองงง (ดีนะไม่ได้อยู่หัวแถว) แล้วบังเอิญหนักตรงที่ว่าแถวที่พวกเรายืนอยู่เป็นแถวที่ชนะพอดี ได้เข้าที่ 1 (และเป็นอันดับ 5 และ 6 ของงาน..) ตรงนี้สนุกและตลกดี คนที่เป่าแพ้ก็ขอโทษลูกแถวอย่างจริงจังด้วยนะ เมื่อถึงเวลาสตาฟก็พอแถวไปนั่งข้างบนต่อ รอเข้างานตอน 12:00 น.

ทีนี้คั่นด้วยเรื่องเล่า ว่าระหว่างที่เข้าแถว 4 แถวอยู่ข้างล่าง ก็เหมือนจะเจอชายผู้สะพายเป้โฮโนกะ หูฟังขาว เสื้อส้มลายตาราง คนเดียวกับที่เราเจอกันที่อากิบะฯทั้ง 2 วันที่ผ่านมา (อ่านได้ใน ญี่ปุ่นไปรอบๆ: วันที่ 1 ยามดึกที่อากิบะ และวันที่ 2 ที่มิไรคัง) คือตกใจมาก ทำไมพวกเราถึงเจอกับเขาได้หลายครั้งขนาดนี้ นี่สินะที่เขาบอกว่าติ่งมักจะดึงดูดกันเอง

เดินเข้าไปรอข้างในอีกที

เดินเข้าไปรอข้างในอีกที

ตอนนี้เริ่มคิดถูกว่าที่รีบมาอาจจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง (แม้ไม่ได้ควรมาเร็วขนาด 6 โมงเช้า แต่คิดว่าเกี่ยวกับสเกลของงานด้วย ยิ่งงานใหญ่ ยิ่งควรมาเช้าถ้าต้องการเข้างานเร็วๆเพื่อแย่งชิงโดจินชิ) โดยเมื่อมารอๆ แถวนี้จะพบว่ามีบรรยากาศของพวกมาเนีย.. หรือเขาชอบเรียกกันว่าโอตาคุ รุนแรงมาก เช่นพูดคุยเกี่ยวกับมากิจังและการจับคู่จิ้นอย่างสนุกสนาน เทรดของ บลาๆ บ้างก็ฆ่าเวลาด้วยการกดสคูลเฟส (スクフェス) อย่างเข้มข้น แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็น “การวางแผนซื้อโดจินชิ” ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากหนังสือของค่ายดังๆ จะหมดในเวลารวดเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ

แพทตี้: ป๋า พอเข้าไปแล้วไปต่อคิวที่ซุ้มของโทโมะซังให้หน่อยนะ ไวๆเลย (ป๋า=Wซัง, โทโมะซัง=คนเขียนโดจินค่ายดังที่แพทตี้ต้องการ..)

Wซัง: แล้วหลังจากนั้นหละ

แพทตี้: ถ้าซื้อได้แล้วรีบไปต่อของอีอาร์ซัง ฯลฯ

Wซัง: โอเค ป๋าคงไม่ได้ซื้ออะไรมากเดี๋ยวไปต่อให้

ประมาณนี้ ฉะนั้นใครคิดจะมางานโดจินควรหาลูกจ้างต่อคิว เพื่อนสนิทมิตรสหายให้มาด้วยกันเพื่อประสิทธิภาพในการซื้อของ แต่ยอมรับว่าไม่ได้คิดว่าของจะหมดอะไร..แม้ว่าตอนนี้มองหันหลังไปจะเจอผู้คนที่มารอกันเรื่อยๆน่าจะหลัก 400 – 500 คนแล้ว

เมื่อถึงเวลา 12:00 น. สตาฟก็มาพาแถวแรกอย่างพวกเราไปที่หน้าประตูเพื่อเตรียมเข้างาน บรรยากาศก่อนเข้างานนั้นเรียกว่า.. เหมือนสงคราม (กระทั่งผู้จัดงานยังบอกออกมาเอง)

หน้าฮอลเล็ก สถานที่จัดงาน

หน้าฮอลเล็ก สถานที่จัดงาน

เหล่าสตาฟที่คอยคุมแถวผู้คน

เหล่าสตาฟที่คอยคุมแถวผู้คน

โดยกฎกติการการเดินในงานมีง่ายๆ เช่น ห้ามวิ่ง และให้เดินเป็นวงกลมตามเข็มนาฬิกาเพื่อไม่ให้ขวางผู้อื่น นอกนั้นก็ไม่ได้มีอะไรมาก (อากาศร้อนมากต่างกับข้างนอก คงเพราะปริมาณคนมหาศาล และความรักที่มีให้มากิจัง)

เตรียมเข้างาน

เตรียมเข้างาน

อนึ่ง เนื่องด้วยวันนี้เป็นวันเกิดมากิจัง สตาฟจึงพูดอวยพรให้มากิจังก่อนด้วย (ฮา) และเมื่อถึงเวลา 12:00 น.ตรง แถวแรกก็ปล่อยให้เข้าไปซื้อโดจินชิได้ตามอัธยาศัย บรรยากาศตอนนี้เรียกว่าฮึกเฮิมสุดๆ หลายคนยังบอกว่าโอ้ ยังกับบรรยากาศสงคราม

TokyoAround-4190466

บรรยากาศภายในอีเวนท์

แล้วก็เหมือนสงครามจริงๆนะ บรรยากาศคือคนเยอะมาก เซอร์เคิลชื่อดังคนต่อคิวไวมากถึงมากที่สุด แปปๆก็คิวล้นแล้วล้นอีกจนต้องมีป้ายกลางแถว (เหนือชั้นกว่าป้ายท้ายแถว) คนช่างเบียดเสียดเพื่อจับจ่ายซื้อของที่ตัวเองรักกันอย่างดุเดือด (หรือเอาไปขายต่อก็ไม่อาจทราบได้) การซื้อของกับเซอร์เคิลต่างๆในงานโดจินนั้นไม่ยาก เราไม่ต้องสนทนาอะไรมากเพราะคนมหาศาล ดูป้ายราคา บวกลบ จ่ายเงิน แล้วเดินออกอย่างรวดเร็วก็พอเพียงแล้ว อยากได้กี่เล่มก็บอกเอาแบบง่ายๆภาษามือนี่หละ ส่วนมากก็จะจำกัดให้ซื้อได้คนละ 3 เล่ม

หน้าเซอร์เคิลชื่อดังที่ได้รับการไหว้วานมาให้ต่อแถว

หน้าเซอร์เคิลชื่อดังสวีทพี (スイートピー) ที่ได้รับการไหว้วานมาให้ต่อแถว

พอได้ซื้อของตามไหว้วานสำเร็จ (ของแถมที่มีเฉพาะในงานนี้หมดลงในเวลาประมาณ 10 นาทีแรกเท่านั้นเอง) ก็เดินดูเซอร์เคิลอื่นๆ พบลายเส้นที่คุ้นตาจากการเคยอ่านแสกนมากมาย (ขอโทษเหล่าอาจารย์ผู้ขยันขันแข็งปั่นโดจินด้วยฮะ) หลายลายเส้นก็มาถูกใจกันในงานนี่หละ

เซอร์เคิลนิราทามะ (Niratama)

เซอร์เคิลนิราทามะ (にらたま) อาจารย์คนเขียนเรียบร้อยมาก (?)

เซอร์เคิลคัสตอมไซส์ (カスタムサイズ) เผลอซื้อมาครบทุกเล่มเลย..

เซอร์เคิลคัสตอมไซส์ (カスタムサイズ) เผลอซื้อมาครบทุกเล่มเลย..

ค่ายนี้น่ารักนะะ (อวย)

ค่ายนี้น่ารักนะะ (อวย)

ถึงตัวผู้เขียนไม่ได้โอชิมากิจัง แต่ว่าก็จ่ายตังไปอย่างสติหลุดๆไปจำนวนมาก ดราม่าเหลือเกิน บรรยากาศของอีเวนท์ช่างพาให้เสียเงินได้แบบง่ายๆ หลังจากเดินจับจ่ายใช้สอยกันอย่างพอใจในเวลารวดเร็วก็รีบถอยออกจากอีเวนท์เพราะคนเยอะมาก และยังเติมเข้ามาแบบไม่หยุด ในงานเองก็เบียดเสียดแบบสุดๆเดินชนไปชนมากันมากมาย

อนึ่งเงินตราที่เสียไปในงานนี้อย่าเพิ่งไปนับเลยจะทำให้เที่ยวในทริปที่เหลือได้สบายใจกว่าเยอะ จบจากตรงนี้ก็เดินกลับไปที่สถานีรถไฟเคย์คิวคามาตะเหมือนเดิม (มีฝนตกโปรยปรายลงมาช่วงนี้ แน่นอนว่าต้องปกป้องโดจินก่อน..) ขากลับไม่พลาดแบบตอนขามาแล้ว เลือกรถไฟสายด่วนพิเศษเพื่อกลับไปที่สถานีชินากาว่าได้อย่างรวดเร็ว

เลือกดีๆ มันจะบอกอยู่ที่แถวๆประตูว่าเป็นรถสายด่วนหรือธรรมดา

เลือกดีๆ มันจะบอกอยู่ที่แถวๆประตูว่าเป็นรถสายด่วนหรือธรรมดา

TokyoAround-4190469

เช่นในรูปนี้เป็นสายธรรมดา (Local) ไปถึงจุดหมายเหมือนกัน แต่ไปช้าๆแบบหวานเย็น

ช่วงบ่ายของวันนี้ไม่มีอะไรมาก แต่ที่แน่ๆคือระบบอินเตอร์เน็ตของพวกเราสองคนเดี้ยงไปแล้ว เนื่องจากใช้งานเกินโควต้า (100 mb/วัน รีเซตตอนเที่ยงคืน) จึงไม่สามารถติดต่อสมาชิกคนอื่นๆได้ทั้งๆที่มีจุดมุ่งหมายว่าจะมาเดินอากิฮาบาระแบบเต็มวันกันในวันนี้ ไม่เป็นไร การเดินเล่นสำคัญกว่านัดเจอ ฉะนั้นเมื่อมาถึงสถานีอากิบะกันแล้วก็ต้องซื้อร่มกันเสียก่อน.. เพราะฝนเริ่มตกจนเดินชิลๆไม่ไหว แล้วก็ต้องเอาโดจินฝากไว้กับตู้ล็อคเกอร์หยอดเหรียญเพื่อความสบายในการเดินทาง

มาถึงอากิบะก็ซื้อร่มแล้วเดินเที่ยวกันต่อโลด

มาถึงอากิบะก็ซื้อร่มแล้วเดินเที่ยวกันต่อโลด

อย่างที่บอกว่าวันนี้เป็นวันเกิดมากิจัง ร้านแถวๆนี้มักจะจัดบูทอวยกันเยอะเป็นพิเศษ

ที่หน้าประทับใจสุดคือทุกร้านจะมีที่ฝากร่มให้ได้ใช้งานกันด้วย สบายต่อทั้งคนซื้อ (ไม่ต้องถือ) และคนขาย (ไม่ต้องทำความสะอาด)

ที่น่าประทับใจสุดคือทุกร้านจะมีที่ฝากร่มให้ได้ใช้งานกันด้วย สบายต่อทั้งคนซื้อ (ไม่ต้องถือ) และคนขาย (ไม่ต้องทำความสะอาด)

แต่ยังไม่ได้ซื้ออะไรมากมายนัก เนื่องจากในวันนี้ที่ศาลเจ้าคันดะ (神田明神) ที่ไปมาช่วงดึกในวันแรกนั่นหละ มีขายสินค้าที่คอลาโบร่วมกับเลิฟไลฟ์! พวกสแตรปยางชุดพิเศษ เลยแวะไปดูกันว่ายังมีมั้ย รวมถึงเป็นการไปเดินไปสักการะครั้งแรกของแพตตี้ด้วย ก็เลยเดินในบริเวณเขตช็อปปิ้งของอากิบะกันแค่แปปเดียว แล้วก็เดินฝ่าฝนไปศาลเจ้าคันดะกันต่อเลย

นิตยสารแจกฟรีปกไอมาส

นิตยสารแจกฟรีปกไอมาส

ขวดชาเขียวยังพิมพ์ลายเลย

ขวดชาเขียวยังพิมพ์ลายเลย

รุมบ้า หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นบ้าน

รุมบ้า (Roomba) หุ่นยนต์ทำความสะอาดพื้นบ้าน

ร้านโคโตบุกิยะ (Kotobukiya) แหล่งที่จะมาเสียตังจำนวนมากในวันต่อๆไป

ร้านโคโตบุกิยะ (Kotobukiya) แหล่งที่จะมาเสียตังจำนวนมากในวันต่อๆไป

เดินออกจากส่วนกลางไปทางศาลเจ้าคันดะ

เดินออกจากส่วนกลางไปทางศาลเจ้าคันดะ

ระหว่างทางพบเจอเลิฟไลเวอร์แบบเข้าเส้นจำนวนหนึ่ง..

ระหว่างทางพบเจอเลิฟไลเวอร์แบบเข้าเส้นจำนวนหนึ่ง..

มาถึงหน้าบันไดสคูลไอดอลอีกแล้ว!

มาถึงหน้าบันไดสคูลไอดอลอีกแล้ว!

ถ้าเข้าศาลเจ้าคันดะจากประตูหลักก็คงเป็นคนปกติทั่วไป แต่ถ้าเข้าจากด้านบันไดนี้แล้วยกกล้องขึ้นถ่ายรูปละก็ ไม่ต้องสงสัย เป็นคนที่มาตามรอยจากอนิเมเลิฟไลฟ์! แน่นอน..เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากบันไดหินธรรมดาๆเลย อนึ่ง อย่าได้ทดลองวิ่งกันเลยนะมันชันมาก

มุมมองจากด้านบน

มุมมองจากด้านบน

มาถึงศาลเจ้าคันดะในวันนี้พบว่าไม่มีบรรยากาศของการต่อคิวใดๆ ซึ่งผิดคาด ตอนแรกคิดว่าจะมีคนมาต่อคิวเพื่อซื้อแสตรปยางคอลาโบกับศาลเจ้าคันดะ (เซตชุดมิโกะ) กันเสียอีก แต่ว่าดูสงบเงียบดั่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น

บรรยากาศสบายๆ

บรรยากาศสบายๆ

อาจจะเพราะฝนตก ไม่ใช่หรอก! เพราะของหมดไปแล้วตั้งนานยังไงหละ ตอนที่พวกเราไปเริงร่าที่อีเวนท์โดจิน ตรงนี้ก็ต่อคิวซื้อของจนหมดเกลี้ยงไปแล้ว เหลือเพียงแต่ขนมคาสเทล่ามันจูไส้ช็อคโกแลตให้ได้ซื้อกันกินปลอบใจ

แถวๆบริเวณซื้อของคอลาโบเลิฟไลฟ์!

แถวๆบริเวณซื้อของคอลาโบเลิฟไลฟ์!

กินขนมมั้ย ขนมทาส สำหรับทาส

กินขนมมั้ย ขนมทาส สำหรับทาส

ธงคอลาโบ อยากเก็บกลับบ้าน

ธงคอลาโบ อยากเก็บกลับบ้าน

ส่วนขายเครื่องรางอื่นๆตามปกติสำหรับมักเกิ้ล

ส่วนขายเครื่องรางอื่นๆตามปกติสำหรับมักเกิ้ล

ปกติจริงรึเปล่า.. มีโอมาโมริที่ดูเฉพาะทางขายด้วย แผ่นไม้เอมะสำหรับขอพร (絵馬) ลายนนตันนั่นอีก

ปกติจริงรึเปล่า.. มีโอมาโมริที่ดูเฉพาะทางขายด้วย แผ่นไม้เอมะสำหรับขอพร (絵馬) ลายนนตันนั่นอีก

อันนี้พวกเครื่องรางแบบปกติๆ

อันนี้พวกสินค้าที่ระลึกแบบปกติๆ

เครื่องรางที่เหมาะเป็นของฝาก

เครื่องรางที่เหมาะเป็นของฝาก

TokyoAround-4190494

รูปแบบแผ่นไม้ขอพรอีกแบบ เหมือนจะให้เขียนชื่อแล้วโยนในกล่องหละมั้ง?

เอบิสึ หนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าโชคลาภ

เอบิสึ หนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าโชคลาภ

ซุ้มประตูหลัก

ซุ้มประตูหลัก

ตอนที่ไปนี่ได้พบเจอกับงานแต่งงานด้วย! ถึงจะมีคนบอกว่าพบเจอได้บ่อยๆทุกวันอาทิตย์ แต่ได้เจออีเวนท์ก็เป็นเรื่องน่าประทับใจ ดูเป็นพิธีการที่เรียบง่าย มีแขกจำนวนไม่มากดีจัง

ขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาว

ขบวนเจ้าบ่าวเจ้าสาว

เจ้าสาวในชุดแบบญี่ปุ่นแท้

เจ้าสาวในชุดแบบญี่ปุ่นแท้

มาทำพิธีเพื่อความเป็นศิริมงคล

มาทำพิธีเพื่อความเป็นศิริมงคล

อนึ่งภาพพิธีแต่งงานเอามาจากอีกวันหนึ่งที่ได้มาศาลเจ้าคันดะ (เจอเช่นกัน) อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นไฮไลท์ของศาลเจ้าคันดะคือ มากี่ครั้งก็สนุกไปกับการเดินดูแผ่นไม้เอมะ ที่แฟนๆอนิเมเรื่องต่างๆมาแขวนไว้เพื่อขอพร (ศาลเจ้านี้น่าจะเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่มีการแขวนป้ายขอพรที่วาดเป็นรูปอนิเมต่างๆมากสุดแล้ว) แบบพวกเราๆเลยเดินสนุกมาก เดินไป ดูไป เพลิดเพลินไม่น้อยเลย เช่น

รวมฮิตมิโมริน

รวมฮิตมิโมริน

คิวตี้แพนเธอร์

คิวตี้แพนเธอร์

นนตันเลิฟไลฟ์! ภาพนี้น่ารักมาก

นนตันเลิฟไลฟ์! ภาพนี้น่ารักมาก

รินเนี๊ยว นิโกะแพนด้า นนทานุกิ

รินเนี๊ยว นิโกะแพนด้า นนทานุกิ

น่าจะเป็นเทพโชคลาภอีกองค์หนึ่่ง

น่าจะเป็นเทพโชคลาภอีกองค์หนึ่่ง

เดินเล่นจนสนุกพอใจก็เดินออกทางประตูหลักของศาลเจ้าคันดะ แวะถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยก่อนเดินกลับเข้าส่วนช็อปปิ้ง แถวๆบริเวณนี้พวกเราได้แวะตามรอยอนิเมกันอีกซักเล้กน้อยโดยส่วนมากเป็นฉากยิบๆย่อยๆในเรื่อง โดยคิดว่าจะเอาไปเขียนรวมๆกันในบทความเดียวอยู่แล้วด้วยเลยจะขอข้ามไปก่อน

ทางเข้าหลัก

ทางเข้าหลัก

มีแรคคูนประหลาดๆแถวหน้าศาลเจ้าด้วย

มีแรคคูนประหลาดๆแถวหน้าศาลเจ้าด้วย

ผ่านสะพานเหล็กสีเขียวสุดคุ้นตา

ผ่านสะพานเหล็กสีเขียวสุดคุ้นตา

ข้ามมาทางสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำที่พวกสคูลไอดอลใช้เดินกลับบ้านกัน

ข้ามมาทางสะพานคนเดินข้ามแม่น้ำที่พวกสคูลไอดอลใช้เดินกลับบ้านกัน

แม่น้ำดูนิ่งและสงบมาก บรรยากาศออกแนวเหงาๆเล็กน้อย

แม่น้ำดูนิ่งและสงบมาก บรรยากาศออกแนวเหงาๆเล็กน้อย

ส่วนแถวนี้เป็นหนึ่งในซีนจากอนิเม เลยถ่ายไว้เสียหน่อย

ส่วนแถวนี้เป็นหนึ่งในซีนจากอนิเม เลยถ่ายไว้เสียหน่อย

แมนชั่นของนิโกะอยู่แถวๆนั้น

แมนชั่นของนิโกะอยู่แถวๆนั้น

เก้าอี้และถุงโดจินที่ไปสอยกันมา

แท่นหินสำหรับนั่งและถุงโดจินที่ไปสอยกันมา

สะพานโชเฮย์ (昌平橋) ถึงจะไม่ได้ติ่งอนิเม แต่สะพานนี้ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน

สะพานโชเฮย์ (昌平橋) ถึงจะไม่ได้ติ่งอนิเม แต่สะพานนี้ก็มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน

เดินข้ามฝั่งกันอีกนิด

เดินข้ามฝั่งกันอีกนิด

ถ้าเป็นที่ไทยแล้วหละก็ การพาสาวๆไปออกเดทนี่มีรถส่วนตัวจะถือว่าเท่มากเลยทีเดียว (?) แต่ว่าในญี่ปุ่นที่การขนส่งระบบรางเป็นใหญ่แล้ว รถน่ะ เรื่องรอง จะอวดสาวเขาพาไปขับเจ้านี่กัน (หัวเราะ)

เรือส่วนตัว!!

เรือส่วนตัว!!

ตั้งใจจะเดินไปดูร้านขนมทาเคมุระ (竹むら) ร้านขนมต้นแบบของร้านขนมโฮมุระ (穂むら) บ้านของหัวหน้าวงมิวส์ โคซากะ โฮโนกะ เป็นร้านขนมเก่าแก่ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1930 ลองมองขึ้นไปที่ชั้นสอง บางทีอาจจะได้เห็นมุมมองที่คุ้นเคยก็ได้นะ ไหนๆก็ไปแล้วอย่าลืมแวะซื้อขนมกันด้วยหละ

แต่ตอนไปเหมือนว่าร้านจะปิด แล้วหน้าบ้านก็มีปิดซ่อมถนนด้วย

ร้านขนมบ้านโฮโนกะ ที่กำลังรีโนเวท

ร้านขนมบ้านโฮโนกะ ที่กำลังซ่อมท่อกันหน้าบ้าน

โฮโนกะจ๊าง--

โฮโนกะจ๊าง–

ช่วงที่ไปนี้นอกจากจะเป็นช่วงดอกซากุระเพิ่งร่วงโรยแล้ว ยังเป็นฤดูการเลือกตั้ง สส. ของญี่ปุ่นพอดี เลยมีป้ายหาเสียง แต่น่าแปลกที่ป้ายหาเสียงเขาติดรวมๆกันเป็นบอร์ดเดียวเป็นระยะๆ แล้วก็ไม่ได้แปะในที่สาธารณะด้วย เน้นการหาเสียงด้วยรถคันเล็กๆวิ่งไปทั่วเมือง โบกมือทักทาย ลองดูป้ายหาเสียงที่โดดเด่นเหล่านี้สิ

รักหมา จึงมาสมัคร สส.

รักหมา จึงมาสมัคร สส.

พี่จะสมัคร สส. จริงดิ

พี่จะสมัคร สส. จริงดิ

หลังจากนี้ก็เป็นการตระเวนซื้อของมือสองในร้านชื่อดังอย่าง มันดาราเกะ (Mandarake, まんだらけ) หรือ ลาชินบัง (Lashinbang, らしんばん) ก็ผลาญตังกันไปตามระเบียบ แม้จะติดต่อกับปาร์ตี้ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะการซื้อของเป็นหลักใหญ่ใจความสำคัญ ซื้อจนพอใจซักสองทุ่มก็กลับที่พักกันแล้ว

ทำไมวันนี้ไม่ค่อยมีกินอะไร.. ไม่ได้ลืมไปหรอก แต่วันนี้แทบจะไม่ได้กินอะไรเลยจริงๆ!!~ มัวแต่ติ่งกันจนลืมกินข้าว พอกลับถึงที่พักก็ทดลองซักผ้ากันเสียหน่อยด้วยเครื่องหยอดเหรียญ แล้วเมื่อติดต่อกันได้จึงไปกินร้านอาหารเสียบไม้แกล้มเหล้าแบบอิซากายะชื่อ โทริคิโซคุ (Torikizoku, 鳥貴族) โดยกินที่สาขาอิเคะบุคุโระนี่หละ ใกล้ๆ จุดขายของร้านอยู่ที่ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไรก็สนนราคาที่จานละ 280 เยนเท่านั้น (จานนึงมี 2 ไม้) โดยวันนี้มีแขกเจ้าบ้านอย่างน้องวินและยุกกี้มาเสริมด้วย ยิ่งทำให้ทั้งโต๊ะมีแต่ความติ่งทะลุขีดจำกัดไปแล้ว

ได้สติ๊กเกอร์ลายเอริจิจากศาลเจ้าคันดะมาด้วย ขอบคุณน้องวินมากเน้อ ‘4’/

Jpeg

ร้านโทริคิโซคุ สาขาอิเคะบุคุโระ

เมนูราวๆนี้หละ ตอนกินหิวมากจึงไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปแล้ว

ตอนกินหิวมากจึงไม่มีอารมณ์ถ่ายรูปแล้ว

จากนั้นก็ตรงดิ่งกลับที่พักเพื่อไปนั่งชิล พร้อมของขวานล้างปากเป็นพุดดิ้งจากแฟมิลี่มาร์ทราคา 210 เยนที่เคลมว่าเป็นระดับพรีเมี่ยม รสชาติดีเลยทีเดียว มีหอมกลิ่นน้ำตาลไหม้ด้วย

พุดดิ้งที่ดี

พุดดิ้งที่ดี

แถมพก: การใช้เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญที่ญี่ปุ่น

การซักผ้าที่ญี่ปุ่นไม่ใช่เรื่องยาก กรณีเดินทางหลายๆวันก็เตรียมใจซักไว้ได้เลย สะดวกสะอาดและรวดเร็ว..! โดยปกติแล้วที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญเราจะต้องทำเองทั้งหมด ขั้นตอนง่ายๆคือตอนแรกเราต้องเข้าใจก่อนว่าจะมีเครื่องอยู่ 2 ประเภท

  1. เครื่องซักผ้าและปั่นแห้ง
  2. เครื่องอบผ้า

หลักการซักผ้าด้วยเครื่องซักผ้าและปั่นแห้งในญี่ปุ่นนี่แทบจะไม่มีอะไรเลย เตรียมผ้าที่จะต้องซักไป ปริมาณไม่ต้องเยอะมาก เอาแค่ราวๆ 50% ของถังซักก็เต็มที่แล้ว (ถ้างกมากจะปั่นแห้งกันนานเป็นปี) หยอดตังตามที่กำหนดประมาณ 200 เยน แล้วรอเวลาเสร็จ (โดยมากจะอยู่ที่ 35 – 40 นาที อ้อ ไม่ต้องใส่ผงซักฟอกนะถ้าที่ฝาเครื่องมีคำว่า Detergent Included หรือ 洗剤不蔓 เป็นป้ายสีฟ้าๆ) จากนั้นก็หยิบผ้าที่ซักและปั่นแห้งเสร็จแล้วเข้าเครื่องอบผ้า หยอดไปอีก 200 เยน (ปั่นประมาณ 20 นาทีต่อ 100 เยน) แต่ 20 นาทียังไงก็ไม่แห้ง ขนาดซักแค่ 30% ของถังซักยังต้องหยอด 40 นาทีเลย)

รอเวลาให้เสร็จ จะไปกินข้าวเดินเล่นก่อนก็ได้ โดยมากถ้าเราปั่นเสร็จแล้วไม่มาเอาเสื้อผ้าออก จะโดนคนอื่นจับใส่ตะกร้าวางไว้แถวๆนั้นแทน โปรดระวังด้วย! แค่นี้ก็ได้เสื้อผ้าหอมๆสะอาดๆมาใส่แล้วหละ

คอมเมนต์กัน!