ช่วยไม่ได้จริงๆนะครับกับวิกฤตโควิด-19 ในช่วงสองปีหลัง ที่ทำให้กลุ่มนักเดินทางของเว็บเราไม่ได้ไปเที่ยวต่างประเทศเลย.. โดยเฉพาะการกลับไปประเทศเกาะเจ้าเก่าเจ้าเดิม หรือญี่ปุ่นที่แสนคิดถึง ฉะนั้นเมื่อมี มาตรการผ่อนปรนการเข้าไปเดินทางแล้ว ผมและสหายบางส่วน (คราวนี้ประกอบด้วยผม พี่บอม แต๊ง และท่านเตคที่เป็น Newcomer กับประเทศเกาะ)) ก็อดที่จะหาวิธีเข้าไปอย่างรวดเร็วมิได้
ทริปนี้จะเป็นทริปสั้นๆ ที่จะขอกลับไปเยือนเมืองหลวงอย่าง โตเกียว (東京) อีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่เลือกให้เป็นทริปสั้นเพราะว่าความไม่แน่นอน ต่างๆ นานา จากโรคระบาดนี่แหละครับ (กลัวเข้ายากเอย กลัวอยู่ดีๆ โดนยกเลิกเอย กลัวไม่รองรับนักท่องเที่ยวเอย) แต่คิดถึงจะเป็นทริปสั้นก็น่าจะพอทำให้หายคิดถึงได้เลยทีเดียวกระมัง
เตรียมตัว
คือตอนแรกหลังจากได้ยินได้อ่านช่วงเดือน ต.ค. ที่เค้าบอกว่านักท่องเที่ยวบินเข้าเกาะได้แล้ว (แบบไม่ต้องกักตัว) พวกผมก็เรียกว่าตั้งทริปขึ้นมาเกือบทันที.. ดูกระหายมาก แล้วก็หาสมัครพรรคพวกว่าใครสนใจจะไปรอบนี้บ้างแต่ว่าเนื่องจากเราไม่ได้ไปมานาน เราก็ไม่รู้ว่าทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง รวมถึงว่าสมาชิกบางท่านท่านเตคก็ลาได้ไม่เต็มที่ด้วยเนื่องเป็นช่วงท้ายปีที่ไม่ได้วางแผนไว้นาน ฉะนั้นคราวนี้จึงจะเป็นทริปสั้นใช้เวลาเพียงแค่ ห้าวันสี่คืน หรือตั้งแต่ 9-13 ธันวาคม 2565 เท่านั้นเอง แล้วก็กะจะไปเที่ยวแค่โตเกียวกับโยโกฮาม่าเพราะขี้เกียจทำวิจัยวิธีการเดินทางไปต่างจังหวัด
ทีนี้ช่วงเวลาที่เราอยากไปกันก็คือช่วงต้นธันวาคม หรือก็คือไวสุดเท่าที่จะอำนวย ซึ่งตอนนั้นเนี่ย สายการบินก็แบบว่าแน่นขนัดแบบเต็มเหนี่ยว เจ้าประจำอย่างแอร์เอเชียที่มีไฟลท์สวยๆ ไว้เดินทางช่วงดึก ถึงญี่ปุ่นช่วงเช้าก็ค้นหาเที่ยวบินดอนเมือง-นาริตะไม่ได้ (ไม่รู้ว่ายกเลิกไปแล้วหรืออย่างไร) แถมถ้าจะใช้บริการสายการบินใหม่อย่าง ซิปแอร์ (Zipair ) ก็ค่อนข้างจะเปลืองตังค์เพราะว่ารวมแล้วประมาณ 2 หมื่นกว่าเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่เป็นสายการบินราคาประหยัดแท้ๆ ซึ่งพวกเราที่ชินกับการบินที่ราคาหมื่นต้นมานาน ก็จะสะอึกไปเล็กน้อย แต่ดูเหมือนว่าการเดินทางต่างประเทศช่วงหลังโควิดจะต้องเตรียมใจกับราคาที่สูงขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ สุดท้ายเลยมาได้ตั๋วของฟิลิปปินส์แอร์ไลน์ ที่เดินทางช่วงดึก แต่ถึงช่วงเที่ยงของอีกวันหนึ่ง มีต่อเครื่องหนึ่งทีที่ฟิลิปปินส์ก็จัดว่าโอเค
ได้มาที่ราคาประมาณ 16,000 บาท แบบไป-กลับ รวมข้าวแล้ว เลือกที่นั่งได้ด้วย พร้อมโหลดกระเป๋าอีกคนละ 30 kg
ทีนี้เนื่องจากว่าไม่ได้เดินทางมานาน การเตรียมตัวก็จะเมาเป็นพิเศษโดยเราไปช่วงเดือนธันวาคม เช็คในเว็บก็พบอุณหภูมิประมาณ 5 องศา ต่ำสุดก็น่าจะประมาณ 3 องศา (ถ้าปฏิทินสภาพอากาศไม่ได้หลอกกัน) เลยคิดว่าซื้อเสื้อตัวในและกางเกงเป็นฮีทเทคสักชุดหนึ่ง ก็น่าจะพอนอกนั้นไปหาซื้อเอาที่โน่นละกัน
วันเดินทาง
ทริปนี้ผมเลือกที่จะเอากระเป๋าเดินทางใบเล็กเป็นมาใช้งาน เนื่องจากว่าไม่ได้เตรียมใจจะไปซื้อของอะไรเท่าไหร่นัก เป็นการเดินทางด้วยกระเป๋าแบบที่ขึ้นห้องโดยสารได้เป็นครั้งแรก (แม้ตั้งใจจะเอาไปโหลดใต้เครื่องอยู่ดี เพราะขี้เกียจลากไปมา) แน่นอนว่าการเดินทางที่จะบินออกจากประเทศราวๆ เที่ยงคืน เราจะต้องไปถึงสนามบินสองทุ่มครึ่ง ถึงสามทุ่มครึ่ง โดยประมาณ (ไปเผื่อ 3 ชม.) จึงจำเป็นจะต้องใช้รถไฟฟ้า แอร์พอร์ตลิงค์เจ้าเก่าที่ยังให้บริการอยู่เหมือนเดิม ไม่แตกต่างจากตอนก่อนโควิดแต่อย่างใด
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221205_131115147-1024x771.jpg)
ปีนี้เอาไปแค่นี้แหละ
อ้อ อย่าไปด้วยรถส่วนตัวแถวสนามบินสุวรรณภูมิช่วงเย็นจะดีกว่าถ้าไม่อยากเจอกับรถติดแบบนรกครับ
เมื่อไปถึงสนามบินสุวรรณภูมิก็พบว่า..หลายอย่างก็เหมือนเดิม ที่เห็นแตกต่างคงจะมีหุ่นยนต์ทำความสะอาดเดินไปเดินมาเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหน่อย เเล้วก็การเช็คอินฝากกระเป๋า เพิ่มขั้นตอนหนึ่งอย่างคือการขอตรวจ หนังสือรับรองการฉีดวัคซีน ที่ขอได้ในแอพหรือ LINE หมอพร้อม ตั้งแต่ที่ประเทศไทยเลยนี่หละ แต่นอกจากขั้นตอนนี้ทุกอย่างก็ปกติไม่มีอะไรแตกต่างจากเดิม อ๋อ หลังจากผ่าน ตม. เข้าไปด้านในเขตปลอดภาษีรอขึ้นเครื่อง ก็พบว่าร้านค้าเยอะขึ้นมาก และเป็นที่อัศจรรย์ว่าข้าพเจ้าสามารถหาน้ำเปล่าได้ในราคาสิบบาทแล้ว..จากปกติเคยเจอแต่สี่สิบบาทเท่านั้น ใครอยากกินน้ำเปล่าราคาสิบบาทก็หาได้ที่ร้าน Boots ครับ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221208_132659404-1024x771.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221208_145928114.MP_-1024x771.jpg)
รีวิวการเดินทางด้วยสายการบิน Philippines Airlines
Philippines Airlines (ปินส์แอร์) เป็นสายการบินแบบฟูลเซอร์วิส แต่ว่าสำหรับตัวเครื่องบินที่เดินทางออกไปจากประเทศไทยในต่อแรกก็ค่อนข้างจะเล็ก แต่ตัวที่นั่งเองก็จัดว่าไม่ได้แคบเกินไป เท่ากับแอร์เอเชียในยุคหลังๆ นั้นแหละ ทีนี้เมื่อเป็นปินส์แอร์ เลยต้องมีช่วงต่อเครื่องที่ประเทศฟิลิปปินส์ โดยในคราวนี้มาลงที่สนามบิน MNL (Ninoy Aquino, นินอย อากิโน) อันนี้ค่อนข้างรู้สึกว่าเก่า แล้วก็แค่ระบบการต่อเครื่องค่อนข้างจะงงๆ เกือบไปผิดนิดหน่อยด้วย รวมไปถึงร้านค้าร้านอาหารธรรมดาอย่างรุนแรงและไม่ค่อยมีเอกลักษณ์จนไม่อาจหาอะไรแปลกๆ กินได้เท่าไรที่สนามบิน อีกอย่างคือ ตอนที่พวกเรามาถึงที่นี่ก็จะราวตีสาม ก็เลยนั่งๆ นอนๆ พักผ่อน จนกว่าจะถึงเวลาต่อเครื่องที่ระบุไว้ว่า 7 โมงเช้า แต่ทำไปทำมา ตอน 6 โมงครึ่งก็โดนเรียกขึ้นเครื่องพร้อมบอกว่า Last call ซะแล้ว.. ตกใจเล็กน้อย
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221208_172427522.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221208_203209583-1024x771.jpg)
ทีนี้ เที่ยวบินจากฟิลิปปินส์ไปที่ญี่ปุ่น จะกลายเป็นเครื่องลำใหญ่และการบริการทุกอย่างคุณภาพอัพเกรดขึ้นคล้ายกับตอนนั่งเครื่องการบินไทย สมศักดิ์ศรีการเป็นฟูลเซอร์วิสขึ้นมา พอมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกคุ้มเงินขึ้นทันทีครับ และนั่งไปอีก 4-5 ชั่วโมง หลับบ้างกินบ้างนอนบ้าง ก็มาถึงสนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่นจนได้
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221209_002536092-1024x771.jpg)
ได้เดินทางแบบฟ้าใสมาก
พอมาถึงประเทศญี่ปุ่นปุ๊บ ทุกอย่างเหมือนปกติมาก! ได้รับอากาศหนาวตอนเดินเข้าสู่สนามบินเล็กน้อย (เกือบๆ เยือกแข็ง) ตั้งแต่ตอนที่ออกจากงวงช้างเครื่องบิน แล้วพอจะเข้าด่านตรวจคนเข้าเมืองนี่หละที่จะแตกต่างมาก โดยเราต้องเดินทางผ่านทั้ง 3 ด่านของการเข้าประเทศ และต้องลงทะเบียนผ่าน https://www.vjw.digital.go.jp/ มาก่อน ซึ่งมันก็คือการรวมเอาระบบทั้ง 3 ส่วน คือ (1) กักกันโรค (2) ตรวจคนเข้าเมือง และ (3) ศุลกากร เข้าด้วยกัน จากเดิมกรอกกระดาษใบๆ ตอนก่อนลงเครื่อง มาเป็นกรอกผ่านเว็บและโชว์ QR Code ให้เจ้าหน้าที่ได้รับทราบทั้ง 3 จุด
จุดที่ ณ ตอนไปเยี่ยมเยือน (ธ.ค. 2022) นี้ การเข้าญี่ปุ่นยังคงต้องฉีดวัคซีน mRNA มา 3 เข็มหรืออื่นๆ ตามที่ญี่ปุ่นกำหนด และใช้เวลาในการกรอกเว็บที่ว่ามานี้ประมาณ 2 สัปดาห์.. ฉะนั้นทำเผื่อไว้ก่อนเนิ่นๆ กันนะ อ้อ อย่าลืมอ่านอัพเดตในเว็บไซต์เป็นประจำเพื่ออัพเดตก่อนเดินทางหละ
เดินทางเข้าโตเกียวกันเถอะ
แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้น อยู่ดีๆ แต๊งก็โดนเรียกให้ไปกรอกข้อมูลเพิ่มซะแล้ว ด้วยสาเหตุง่ายๆ คือการกรอก QR Code ที่ยังไม่สมบูรณ์เพราะลืมเซฟข้อมูล เหมือนพอเขาสแกนแล้วก็พบว่ายังกรอกไม่หมดน่ะหละ แต่พอผ่านตรงนี้ไปก็เหมือนจะไม่มีอะไรที่แตกต่างจากก่อนนี้เลย ผ่านเข้าศุลกากรหลังรับกระเป๋าแบบสบายมาก เอาจริงๆ แล้วกระบวนการเข้าญี่ปุ่นหลังยุคโควิดนี่ผมว่ามันไวมากกว่าตอนช่วงก่อนหน้านี้อีก ที่ทุกคนต้องมาต่อแถวหรือกรอกรายละเอียดเพิ่มเติมก่อนเข้าประเทศ ต้องจดโพย พกปากกา.. แต่ตอนนี้คือแสดงภาพแล้วก็จบเลย ทุกอย่างสบายขึ้นมาก ถ้ามาลักษณะนี้คิดว่าเป็นการพัฒนาที่ดีขึ้น ทำให้มาเที่ยวได้สะดวกและง่าย ไม่ต้องกังวลว่าจะกรอกอะไร เตรียมข้อมูลมาไหม (เตรียมตั้งแต่ตอนอยู่ไทยก็สบายกว่าอยู่แล้วหละ) แต่ว่าสำหรับผู้ที่ไม่ได้ศึกษามาเลยอาจจะต้องมาลำบากหน้างาน ยังไงก็ขอให้ระวังด้วยนะครับ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/PXL_20221209_034921396-1024x771.jpg)
ถึงโตเกียวแล้ว!
จากนี้ก็เป็นกรรมวิธีในการเข้าโตเกียว โดยพวกเราเลือกที่จะเข้าโตเกียวแบบไวหน่อยด้วย เคย์เซย์ สกายไลน์เนอร์ (Keisei Skyliner) เจ้าเก่า ที่เปลี่ยนบูทขายตั๋วมาอยู่ชั้นล่างที่เป็นชานชาลารอรถไฟ อัตราค่าตั๋วอยู่ที่สี่คน 12,000 เยนนะครับก็ตกคนละประมาณ 3,000 เยน ก็ไม่ได้แพงอะไรมากเมื่อเทียบกับการที่ได้เข้าสู่โตเกียวแบบช็อตเดียวอย่างรวดเร็ว โดยมาลงปลายทางที่ สถานีนิปโปริ (Nippori station) และตามด้วยต่อรถไฟไปที่สถานีโอคาชิมาจิ (Okachimachi station)
น่าแปลกใจว่าบัตรพาสโมที่เคยใช้เมื่อสองปีก่อนตอนนี้ก็ยังใช้ได้ปกตินะยังไม่พังแต่อย่างใด.. ก็อัดเงินเข้าไปก่อนห้าพันเยนเดี๋ยวค่อยว่ากันว่าจะพอหรือไม่ แต่สมาชิกที่ยังไม่เคยมีบัตรเติมเงินก็ต้องเดินหาตู้กันหน่อยหละเพราะว่าปกติแล้วไม่ได้สามารถออกบัตรโดยสารแบบเติมเงินได้ทุกตู้
…ตรงนี้เริ่มด้วยขึ้นรถไฟผิดทิศก่อนด้วยเลยครับ เสียเวลาไป 6 ป้ายเต็มๆ สมแล้วที่ห่างหายการมามากกว่า 2 ปี
พอเดินออกมาจากสถานี ก็จะต้องเดินอีกไกลราวๆ 0.5 สถานีไปที่พัก AirBNB ที่ได้จองไว้ครับ แน่นอนว่าหนาวแหง และเนื่องจากข้าพเจ้า.. ไม่ได้พกเสื้อหนาวมา เลยต้องแวะที่ Uniqlo สาขาโอคาชิมาจิก่อนนี่หละ แล้วก็ที่ญี่ปุ่นมีแบบของเสื้อให้เลือกเยอะกว่าที่ไทยอย่างมหัศจรรย์สมเป็นประเทศบ้านเกิด (แต่ไม่มีไซส์ใหญ่ๆ หรือเล็กจิ๋วๆ นะครับ พวกนั้นเหมือนจะสงวนไว้ออนไลน์เหมือนกันกับที่ไทย) แล้วก็ที่นี่ซื้อแบบจ่ายเงินด้วยตัวเองได้ด้วยบัตรเครดิต.. แบบโยนของใส่ช่อง จ่ายเงิน เดินออกมานอกช็อปได้เลย ตอนเดินก็หวิวๆ เหมือนกันว่าจะทำไรผิดไปไหม เพราะใบเสร็จก็ไม่มีให้นะครับ แต่ก็สมเป็นประเทศพัฒนาที่ไม่มีปัญหาอะไรด้านจริยธรรมกับการจ่ายสินค้าด้วยตัวเอง
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/IMG_20221209_140602-1024x768.jpg)
ย่านโอคาชิมาจิก็คือใกล้กับตลาดอาเมโยโกะ ของเขตอุเอโนะนั่นเอง
พอเดินออกจาก็พบกับอีเวนท์แรกของทริปนี้เลย คือตอนก่อนจะเข้าไปซื้อของที่ Uniqlo แต๊งกับท่านเตคก็อาสาเฝ้ากระเป๋าให้ แต่พอซื้อเสร็จออกมาก็พบว่าท่านเตคเดินหายไปซื้อขนมซะแล้ว และสิ่งที่ได้กลับมาคือไทยากิรูปแพนด้า (เขาเรียกกันว่าแพนด้ายากิ) ของขึ้นชื่อของสถานีโอคาชิมาจิที่มีแพนด้าเป็นมาสคอต… โดยมันก็ดูน่ารักดี แต่พอถามท่านเตคว่าซื้อมากี่ชิ้น และได้รับคำตอบว่า
42 ชิ้น
ก็ตะลึงกันไปทั้งกลุ่มว่าจะซื้อมาทำไม 42 อัน! ไม่กะจะกินข้าวแล้วเรอะ!!! แต่ได้รับคำอธิบายว่ามันคุ้มสุด… 42 ชิ้นแค่ประมาณ 1,500 เยนเอง พอฟังเช่นนั้น ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจแต่ว่าก็รับมากินฟรีด้วยความขอบคุณครับ ฮา
อย่าลืมนะครับว่าเน้นกินหลากหลายดีกว่า.. กินหนมแพนด้ายากินี่แค่คนละ 2-3 ชิ้นก็เริ่มจุกแล้วอะ ทีนี้ก็เดินลากกระเป๋าเดินทางกันครืดๆ ไปที่พัก และเริ่มคิดแล้วว่ามันหนาวพอตัวเลยนะ 12 องศาเนี่ย แม้ว่าจริงๆ แล้วจะไม่ใช้ฮีทเทคก็คงไหวอยู่ แต่ถ้ามีก็อบอุ่นสบาย ฉะนั้นแนะนำว่าถ้ามีเลข 10 องศาเซลเซียสหรือต่ำกว่า ก็ใช้ฮีทเทคซะเลยดีกว่าครับ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0789-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0792-2-1024x683.jpg)
รีวิวที่พักในรอบนี้
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0793-2-1024x683.jpg)
ตึกม่วงที่ดังก็อยู่แถวที่พักด้วย
ที่พัก AirBNB ในรอบนี้อยู่ในอาคารที่ชื่อหรูหราว่ามอนเตโรซ่าบิลด์ครับ เช่าแบบเช็คอินด้วยตัวเอง ไม่ได้เจอเจ้าของห้องเลย เข้าไปปุปก็พบว่ากว้างมาก มีห้องแยกถึง 5 ห้อง! ก็แบ่งห้องกันตามสะดวก และกินขนมกรอบๆ จาก 7-11 ที่วางไว้ให้กินในห้องแบบฟรีๆ เค็มๆ เพื่อรองท้องก่อนกินมื้อต่อไป
ที่นี่มีทั้งห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ส่วนซักผ้า ทุกอย่างก็สะอาดในระดับกลางๆ บางส่วนก็ดูโทรมแต่พอจะมองข้ามได้ เข้ามาในห้องแล้วไม่หนาวถือว่าโอเคครับ (เคยพักบางที่ เข้ามาแล้วหนาวจัด ไม่รู้ว่าทำไมแตกต่างกันได้ขนาดนี้เหมือนกัน)
การใช้ AirBNB ก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่ได้แตกต่างอะไรกับก่อนหน้านี้ ต้องขอบคุณมากที่ยังอยู่และไม่เจ๊งกันไปในช่วงวิกฤตปิดประเทศนะครับ
ดูกันดั้มที่โอไดบะ
จุดมุ่งหมายต่อไปที่เราต้องไปกันก็คือเขตเกาะเทียม โอไดบะ (お台場) ซึ่งการเดินทางเข้าไปในรอบนี้ จะไปที่สถานีโทโยสุ (Toyosu station) แล้วก็นั่งรถไฟฟ้าสายยูริคาโมเมะ (Yurikamome line) เจ้าเก่าซึ่งก็แน่นอนว่าเราใช้วิธีการซื้อตั๋ววันเพราะว่ารถไฟฟ้าสายยูริคาโมเมะเนี่ย ค่อนข้างแพงหรือทีเดียว ราวๆ ว่านั่งแค่ 2 รอบก็แพงกว่าซื้อตั๋ววันแล้วหละ อาจจะเป็นเพราะมันเป็นรถไฟสายที่อัตโนมัติไม่มีคนขับทั้งระบบกระมัง
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0803-2-1024x683.jpg)
มาถึงก็เย็นย่ำละ สวยเชียว
พวกเราแวะสถานที่เที่ยวที่แรกคือที่โตเกียวบิ๊กไซต์ (Tokyo Big Sight) ที่แวะเพื่อถ่ายรูปอย่างเดียวเลย (พามาเพราะว่าแอบอยากจะมาตามรอยโรงเรียนนิจิกะซากิ ของซีรีส์เลิฟไลฟ์กันหน่อย) แต่พอมาถึงแล้ว ก็ได้พบกับงานแสดงสีเสียงที่ฉายภาพไปแมปปิ้งอยู่ที่ผนังตึกสามเหลี่ยมคว่ำคู่มหึมา อันเป็นเอกลักษณ์ของโตเกียวบิ๊กไซต์นี่หละ ทำให้ตอนแรกที่กะจะมาแค่ดูสถานีจัดงานขายโดจินชื่อดังของญี่ปุ่นแบบคอมมิคมาร์เกต (Comic market) ที่มักจะเห็นตามสื่อบ่อยครั้ง ได้มีไรดูแบบเพลิดเพลินไปด้วย ดูจนจบก็เลยได้รู้ว่าเป็นวิดีโอจากผู้ร่วมประกวดการทำอนิเมชั่นสำหรับมาแมปปิ้งที่อาคารนี้โดยเฉพาะเลยครับ ได้เป็นบุญตาเลยทีเดียว
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0818-2-1024x683.jpg)
มีงานแมปปิ้งช่วงไปพอดี
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0823-2-1024x683.jpg)
โตเกียวบิ๊กไซต์ สถานที่สักการะ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0805-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0802-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0800-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0822-2-1024x683.jpg)
อย่างที่เกริ่นไปตะกี้ ว่ามีการแอบแฝงวาระเป็นการตามรอยเลิฟไลฟ์นิดหน่อย จึงพาไปลงที่สถานีแปลก อย่างสถานีโอไดบะไคฮินโคเอ็ง (Odaiba-kaihinkōen Station) เพื่อเดินไปดูเกมเมอร์สาขาโอไดบะ ซึ่งสาขานี้เปิดมาค่อนข้างใหม่ และเน้นขายแต่สินค้าเลิฟไลฟ์ทั้งร้านครับ รวมถึงมีรถขายน้ำ (อ่านว่ารถขายน้ำ แต่จริงๆ คือรถขายแผ่นรองแก้วสำหรับสะสมลายเลิฟไลฟ์..) เดินเล่นส่องของเล็กน้อย แล้วก็เดินไปอีกซักนิดจะผ่านห้าง โอไดบะ DECKS และ Aqua City ที่วิวดี เห็นทั้งเรนโบว์บริดจ์ ฝั่งโตเกียว และเทพีเสรีภาพก๊อปฯ ชัดเจน ก็เลยเดินเล่นและแวะถ่ายรูปเล็กน้อย
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0829-2-1024x683.jpg)
GAMERS สาขาโอไดบะ พร้อมอิมเมจเกิร์ล เซ็ตซึนะจัง
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0826-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0828-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0844-2-1024x683.jpg)
โอไดบะ!
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0838-2-1024x683.jpg)
วิวดีอยู่นะ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0848-2-1024x683.jpg)
วิวเรนโบว์บริดจ์
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0842-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0843-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0841-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0839-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0840-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0847-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0850-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0862-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0846-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0837-2-1024x683.jpg)
ทีนี้ได้เวลากินข้าวมื้อแรก ที่เล็งไว้จะเป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ชื่อดังจากฮาวาย Kua Aina Sandwich Shop แล้ว ซึ่งที่มากินเพราะว่าก็เพราะอยากมาตามรอยร้านโปรดของตัวละครอนิเมเลิฟไลฟ์นิจิกะซากิแวะมากินบ่อยๆ นี่หละ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0862-2-1024x683.jpg)
อยู่ที่ห้างนี้
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0852-2-1024x683.jpg)
ร้านเบอร์เกอร์ Kua Aina ที่ AQUA CITY
พอมาปุปเพื่อนแต๊งก็หน้ามืดอยากจะสั่งเฟรนช์ฟรายส์ไซส์ใหญ่ 2 ถาดมาก่อนเลย จนต้องรีบห้ามก่อนเพราะกลัวจะเกิดกรณีซ้ำสองแพนด้ายากิเมื่อช่วงบ่าย และพอเข้าไปกินจริงก็พบว่ามันปริมาณเยอะมากอยู่แล้วในแต่ละเซต เกือบไปแล้ว (ฮา) คงเพราะราคาสูงพอตัว (ประมาณ 1800 เยนแบบเซ็ต) แต่อร่อยมากจริงๆ สมแล้วที่อยู่มานานได้โดยไม่ปิดตัวไป การมาตามรอยร้านอาหารแบบปกติๆ นี่อร่อยจริงนะ ดีกว่าร้านอาหารเฉพาะทางที่เปิดขึ้นมาสำหรับไว้โฆษณาอนิเมมาก..
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0855-2-1024x683.jpg)
มื้อแรกที่ญี่ปุ่น
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0856-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0857-2-1024x683.jpg)
หลังจากนั้นพวกเราก็เดินเล่นฝ่าอากาศหนาวสบายๆ ที่คาดไว้ว่าจะหนาวกว่านี้ เพื่อไปที่ดูยูนิคอร์นกันดั้ม (Unicorn gundam) ที่ตั้งตระหง่าน ณ หน้าห้างโอไดบะไดเวอร์ซิตี้ เวลาที่มาก็พอดีเหลือเกินคือเริ่มการแสดงแสงสีในรอบหัวค่ำพอดี และแถมมาช่วงที่มีการปรับเป็นโหมดแสดงแสงสีแบบคริสต์มาสจากการคอลาโบกับอนิเมกันดั้มภาคล่าสุดอย่าง แม่มดจากดาวพุธ (Witch from Mercury) อีกด้วย
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0871-2-1024x683.jpg)
2022 Unicorn gundam
![ข้างหลังก็สวยงามเหมือนเดิม](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0877-2-1024x683.jpg)
ข้างหลังก็สวยงามเหมือนเดิม
แต่ตอนแรกคิดว่าคอลาโบนี่จะมีอะไรมาก จริงๆ คือปรับให้มีสีแปลกตาจากเดิมนิดหน่อยแค่นั้นเองครับ
และที่ยังคงชอบอยู่เสมอคือบันไดสีรุ้งที่อยู่หลังกันดั้มนี่หละ สวยงามและเป็นเอกลักษณ์จริงๆ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0875-2-1024x683.jpg)
สวยงามเสมอมา
พอดูเสร็จ ถ่ายรูปเต็มอิ่มก็ขึ้นไปที่โซนขายของข้างบน (THE GUNDAM BASE TOKYO) สมัยก่อนที่เคยมารอบหนึ่งที่นี่จะต้องจ่ายเงินเพื่อเข้าไปรับชมนิทรรศการและมูวี่พิเศษ แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปหน่อยแล้วคือเป็นที่ขายของอย่างเดียว ทั้งของปกติและแบบลิมิเต็ดที่มีเฉพาะที่นี่ รวมไปถึงมีจัดแสดงฟิกเกอร์เล็กน้อย
เพิ่งรู้ว่ามีช็อปของโดราเอมอนด้วยนะเนี่ย
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0890-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0888-2-1024x683.jpg)
หลังจากนั้นเป็นช่วงเดินทางกลับ เราเลือกที่จะไปเส้นทางใหม่ที่สถานีอาโอมิ (Aomi station) เลยต้องเดินยาวววว พอตัว และ..ผ่านห้างวีนัสฟอร์ท (VenusFort) ที่ปิดตัวไปแล้ว ปิดไปพร้อมๆ กับชิงช้าสวรรค์โอไดบะ (Odaiba ferris wheel, パレットタウン大観覧車) แต่ยังไม่ได้ทำการรื้อถอนอาคาร ยังดูเป็นตึกมืดๆ ร้างๆ วังเวง แต่ก็เลือกที่จะเดินผ่านไปนี่หละ ไม่รีบมาก มาคราวนี้ค่อนข้างทำเวลาได้ดี (ขณะนี้ 20.00 น.) แต่ยังมีจุดมุ่งหมายที่ยังต้องไปต่อในวันนี้
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0897-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0898-2-1024x683.jpg)
สำหรับบรรยากาศของวีนัสฟอร์ทและชิงช้าสวรรค์ อ่านบทความเก่าๆ เพื่อระลึกได้ที่ > ลิงค์นี้ โลด
โตเกียวทาวเวอร์ ที่มากี่รอบก็สนุก
แม้สองทุ่มแล้วแต่ว่าการเที่ยวในรอบนี้กะว่าไม่ดึกไม่กลับที่พักน่ะครับ (เหมือนทุกรอบ) ฉะนั้นจะไปที่ๆ ถ่ายภาพยามดึกได้อย่างสวยงามแบบโตเกียวทาวเวอร์กัน โดยมีจุดประสงค์คืออยากไปถ่ายมุมเท่ๆ สุดฮิตใน IG ที่จะเป็นซอกแล้วถ่ายเสยขึ้นไปเจอโตเกียวทาวเวอร์
โดยเราไปลงที่สถานีอาคาบาเนะบาชิ (Akabanebashi Station) กัน เนื่องจากวิจัยมาหลายรอบแล้วว่าลงที่นี่เดินไปได้ใกล้สุดแล้วครับ ตอนนี้แรงยังมีสบายๆ ก็จริงแต่สังหรณ์ว่าถ้าไม่ออมแรงไว้หละก็ วันอื่นได้เจอนรกแน่นอน พอออกจากสถานีนี้ ข้อดีก็คือเราได้เห็นโตเกียวทาวเวอร์แบบสวยๆ จากทางออกเลยทันที แบบที่ว่าจะถ่ายรูปตรงนี้แล้วกลับก็ไม่เสียดาย (ฮา เคยทำตอนมาญี่ปุ่นครั้งแรกเลยครับ)
เลยตัดสินใจเดินกันไปเพลินๆ ขึ้นเนินสั้นๆ แวะส่องมุมยอดนิยมที่กะจะมากันก็พบว่าคนมากมายมหาศาล แบบไม่ต้องแวะดีกว่า โชคดีที่เคยถ่ายมุมนี้ไว้ในอดีตเมื่อนานมาแล้ว เลยแปะให้ดูกันว่าเจ้ามุมที่ว่า และตำแหน่งมันอยู่ตรงไหนนะครับ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0905-2-683x1024.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/XP27388-683x1024.jpg)
พอขึ้นไปจนสุดทางก็พบกับโตเกียวทาวเวอร์แล้ว สวยงามเหมือนเคย สิ่งที่แตกต่างคือนิทรรศการถาวรของมังงะวันพีซ (One Piece) ก็ถอนออกไปแล้ว และมีสวนสนุกยามดึกอย่าง RED° TOKYO TOWER เข้ามาแทนที่ เหมือนตั้งใจจะให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสไตล์สวนสนุกสำหรับวัยรุ่นหน่อยๆ และเน้นยามเย็นยามดึกครับ พอเดินเก็บบรรยากาศจนพอใจ พวกเราก็เลือกจะเดินทางกลับที่พัก แต่เหนื่อยเล็กน้อย เพราะว่าหาเรื่องจะไปกลับอีกสถานีนึงจนต้องเดินไปเดินมา..
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0904-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0908-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0907-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0903-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0910-2-1024x683.jpg)
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0911-2-1024x683.jpg)
โรงอาบน้ำสาธารณะที่อยากไปทุกคืน
กลับห้องวางของแล้ว! และตอนแรกดูส่องในกูเกิ้ลแมปด้วยคีย์เวิร์ด 銭湯 (Sentou, โรงอาบน้ำสาธารณะแบบญี่ปุ่น) แล้วเห็นว่าเดินไปนิดเดียวเอง เลยลองไป.. แล้วก็พบว่ามันเดินนานกว่าที่คิด (เกือบ 15 นาที) แถมพอเดินไป..ร้านที่เล็งไว้ก็ปิดตั้งแต่ 23.00 น. อีก โชคดีมีอีกที่อยู่ใกล้ๆ เลยได้ใช้บริการ แค่ 500 เยนก็ได้อาบแล้ว
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/20221209_230447-1024x768.jpg)
โรงอาบน้ำที่เดินไปกัน 15 นาที ไกล แต่เป็นสุข
ที่นี่ประหลาดตรงที่.. ป้ายบอกว่าฝั่งชายเป็นสีม่วงกับป้ายบอกว่าเป็นฝั่งหญิงเป็นสีเขียวแทนที่จะเป็นน้ำเงินกับแดงที่คุ้นเคย ดีนะไม่เข้าผิด อ้อที่นี่ก็มีแชมพูสบู่ให้บริการด้วยในราคานั้น ไม่ต้องพกไปเองหรือต้องไปซื้อเพิ่มเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งดีมากครับ อนึ่งใครไม่ค่อยชินกับการใช้เซนโต อย่าลืมหาความรู้ก่อนใช้งานจากยูทูปเพื่อไม่ให้เสียมารยาทต่อผู้ใช้งานกันนะครับ
พออาบเสร็จแวะแฟมิลี่มาทซื้อขนมกินเล่นเล็กน้อย แล้วก็กลับที่พักอย่างสบายใจ จบแล้วครับวันแรก.. เป็นวันที่ยาวนานทีเดียว แล้วก็เที่ยวกันเหมือนกระหาย ใช่เลย
กระหายการเที่ยว กระหายโตเกียวมาก
ปล. ยังมีอีก 3 – 4 วันครับสำหรับทริปนี้ น่าจะเขียนได้อีกซักสองบทความเนอะ
![](https://withbarrel.com/wp-content/uploads/2023/01/DSCF0912-2-1024x683.jpg)
ปิดท้ายด้วยร้านหนังสือเก่าแถวบ้าน ที่ดูก็ปกติดีแต่ข้างในขายของเรท