จากอดีตคู่แข่งสู่พวกพ้องร่วมชมรม สคูลไอดอลหน้าใหม่ประสบการณ์สิบปี (⇐ประโยคนี้ไม่ใช่ความจริง) จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากคู่หูเซราสและอิสึมิแห่ง Edel Note ยูนิตที่สี่ของชมรมสคูลไอดอลโรงเรียนสตรีฮาสึโนะโซระในปีการศึกษา 105
เนื้อหาบทความนี้เป็นการแปลบทสัมภาษณ์คุณมิยาเกะ มิอุ (CV.เซราส ยานางิดะ ลิเลียนเฟลด์) และคุณชินโด อามาเนะ (CV.คัตสึรางิ อิสึมิ) จากเล่ม Link! Like! Love Live! 105-ki Start BOOK ในภาพด้านล่างค่ะ
🪷本日発売🪷
4月から新たに105期を迎えた『Link!Like!ラブライブ!』のスタートBOOKが本日発売! 描き下ろしイラストと書き下ろしストーリーは必見です。「Link!Like!ラブライブ!105期スタートBOOK」の詳細はこちらから↓https://t.co/GxUiDq7Lds#蓮ノ空 #リンクラ #lovelive pic.twitter.com/xjfPTEcYg8
— ラブライブ!蓮ノ空女学院スクールアイドルクラブ(Link!Like!ラブライブ!) (@hasunosora_SIC) May 2, 2025
นอกจากตัวบทสัมภาษณ์ที่เรานำมาแปลแล้ว ในเล่มก็ประกอบด้วยโปรไฟล์สมาชิกชมรมในปีการศึกษา 105 ทั้ง 8 คนพร้อมภาพและข้อความประกอบสั้นๆ ที่เขียนขึ้นใหม่เพื่อลงหนังสือเล่มนี้โดยเฉพาะ (ฝั่งตัวละคร) ภาพถ่ายที่ไม่ได้อยู่ในเล่มแพมเฟล็ตไลฟ์ 4 (ฝั่งนักพากย์) และเนื้อหาอื่นๆ ที่ทั้งเคยและไม่เคยตีพิมพ์ลงนิตยสาร Love Live! Days อีกด้วย
ฉะนั้นหากใครสนใจก็สามารถสั่งซื้อหนังสือได้ตามช่องทางที่ท่านสะดวก (คิโนะคุนิยะและอื่นๆ) หรือถ้าเป็นสายอีบุ๊กก็สามารถอุดหนุนได้ที่เว็บไซต์ bookwalker ของญี่ปุ่น (เป็นคนละเว็บกับของไทย) เช่นกันค่ะ

ฉันเคยไปสวนสนุกกับครอบครัวตอนประถมแล้วพอเราอยู่เล่นจนถึงเวลาปิดสวนสนุกก็จะกลับถึงบ้านช้าใช่ไหมล่ะคะ พอกลับถึงบ้านแล้วเปิดทีวีฉันก็เห็นว่ามีอนิเมฉายอยู่ค่ะ ตั้งแต่นั้นมาฉันก็ติดอนิเมรอบดึกและได้รู้ถึงการมีอยู่ของงานพากย์เสียงค่ะ
ฉันชอบอนิเมมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เพราะงั้นตัวจุดประกายให้ฉันสนใจงานด้านนี้คือความคิดที่ว่า “ถ้าได้ทำงานที่ข้องเกี่ยวกับอนิเมและสวมบทบาทเป็นคาแรกเตอร์ได้คงจะสุดยอดน่าดูเลยไม่ใช่หรือไง!” ค่ะ
ฉันโอบกอดความรู้สึกอันเลื่อนลอยและเชื่อมั่นว่าตัวเองคือคนที่จะเป็นนักพากย์ได้แบบไม่นึกเอะใจใดๆ เลยค่ะ
ฉันเข้าชมรมละครเวทีตอนอยู่ชั้นม.ปลายค่ะ พอได้รู้ว่ามีคนในชมรมเดียวกันไปเรียนที่สถาบันฝึกสอนนักพากย์เพื่อจะทำงานนี้ ฉันก็คิดว่า “เราต้องทำอะไรสักอย่างบ้างแล้วสิ!” และไปออดิชันกับทางต้นสังกัดแล้วเขาก็รับฉันเข้าไปอยู่ในนั้นค่ะ
ถึงจะเป็นคืนวันที่ตั้งหน้าตั้งตาเรียนในคลาสอย่างเดียว แต่ตอนที่เข้าคลาสเรียนนักพากย์ฉันบังเอิญได้รับความสนใจถึงทยอยได้งานมาทำค่ะ
ーーคุณรู้ถึงการมีอยู่ของซีรีส์เลิฟไลฟ์ตอนไหนเหรอคะ?
ฉันเคยดูเลิฟไลฟ์ที่เป็นผลงานลำดับแรกของซีรีส์ตอนอยู่ม.ต้นค่ะ ทีแรกฉันเคยคิดว่า “นี่เป็นอนิเมสำหรับเด็กเล็กหรือเปล่านะ?” เพราะลายเส้นน่ารักด้วยค่ะ แต่พอรู้สึกตัวอีกทีอนิเมเรื่องนี้ก็กลายเป็นผลงานที่ได้รับความนิยมสูงมาก ฉันจึงเริ่มดูด้วยใจที่คิดว่า “ถ้าไม่ดูตอนนี้อาจจะเสียใจภายหลังก็ได้นะ!” ค่ะ
ในอนิเมตอน 3 ที่เป็นฉากไลฟ์ในหอประชุมโรงเรียนเนี่ยฉันนึกว่าเนื้อเรื่องจะมีความอ่อนโยนที่พอเปิดม่านบนเวทีแล้วจะเห็นผู้ชมนั่งเต็มทุกที่ การแสดงไลฟ์ประสบความสำเร็จสุดๆ! แต่กลายเป็นว่าพอเปิดม่านมากลับไม่มีใครอยู่เลย ฉันทึ่งกับการดำเนินเรื่องในฉากนั้นและติดอนิเมเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ จนถอนตัวไม่ขึ้นค่ะ
ตอนมูฟวี่ฉายฉันก็ไปดูกับเพื่อนและได้มีความทรงจำดีๆ อย่างการใช้เงินค่าขนมซื้อป๊อปคอร์นพ่วงของแถมครั้งแรกด้วยค่ะ
ตอนนั้นฉันฝันอยากเป็นนักพากย์อยู่แล้ว เพราะงั้นฉันถึงได้ดูคลิปการแสดงไลฟ์และคิดว่า “นักพากย์เขาทำแบบนี้กันด้วยสินะ สุดยอดจัง!” เพื่อให้ตัวเองหลงใหลในตัวซีรีส์มากขึ้นไปอีกค่ะ

ภาพจากอนิเม Love Live! ตอน 3 ฉากแสดงไลฟ์
ーーถึงได้มีการเสนอให้คุณมิยาเกะที่เป็นแบบนั้นไปออดิชันบทในซีรีส์เลิฟไลฟ์สินะคะ
ที่จริงฉันเคยไปออดิชันบทซีรีส์เลิฟไลฟ์ที่ไม่ใช่ฮาสึโนะโซระด้วยค่ะ ฉันคิดว่าฉันต้องมีทักษะด้านการร้องและเต้นถึงได้พยายามสุดๆ ก็จริง แต่ฉันกลับไม่มั่นใจในตัวเองเอาซะเลยค่ะ ฉันไม่มั่นใจเรื่องรูปลักษณ์และทักษะด้านการเต้นเป็นพิเศษจึงไปออดิชันโดยที่คิดว่า “เราคงออดิชันไม่ผ่านหรอก” แล้วก็ไม่ผ่านการออดิชันด้วยความไวแสงน่ะค่ะ…
ฉันเคยโดนคุณเมเนเจอร์ดุว่า “เธอเพลิดเพลินกับการออดิชันให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ” จนเกือบร้องไห้ เพราะงั้นถึงคิดว่าคงไม่มีการเสนอให้ฉันเข้ารับออดิชันอีกแล้วค่ะ ฉะนั้นฉันถึงคิดว่า “คราวนี้ฉันแก้มือได้สำเร็จแล้วสินะ” น่ะค่ะ
ーーแนวคิดของคุณเปลี่ยนไปเหรอคะ?
อาจารย์คลาสการแสดงบอกฉันว่า “เวลาไปออดิชัน เราต้องไปด้วยใจที่คิดว่า ‘เราออดิชันผ่านแล้ว’ ไม่ใช่คิดว่า ‘อยากผ่านการออดิชัน’” ค่ะ พอฉันคิดว่าจริงด้วยเนอะ ฉันเลยไปออดิชันด้วยใจที่คิดว่าอย่างน้อยก็ขอสนุกกับการออดิชันหน่อยแล้วกัน คือฉันคิดว่าถึงตัวเองจะขาดทักษะด้านการร้องและเต้น แต่ถ้าเป็นการสวมบทบาทละก็ฉันไม่มีทางแพ้แน่
แต่พอต้องมาออดิชันรอบต่อหน้าคณะกรรมการ ฉันได้แต่ตอบเขาว่าฉันร้อง เต้น เล่นเครื่องดนตรีอะไรไม่ได้เลยค่ะ… พอเริ่มเล่าแรงจูงใจที่มาออดิชันว่า “ฉันดูเลิฟไลฟ์มาตั้งแต่ตอนม.ต้น…” ฉันก็น้ำตาไหลอาบแก้มจนตัวเองยังตกใจเลยค่ะ
ที่ผ่านมาฉันอายจนพูดไม่ออกเลยค่ะว่า “อยากเป็นนักพากย์เลิฟไลฟ์” แต่ฉันก็อยากผ่านการออดิชันนี้ให้ได้ ตอนที่ฉันครุ่นคิดว่าอันดับแรกฉันต้องสร้างภาพจำให้คณะกรรมการจำฉันได้ ต้องทำให้เขานึกถึงฉันให้ได้แม้การออดิชันจะจบไปประมาณหนึ่งแล้ว ฉันถึงนึกออกว่า “จริงสิ ฉันมี ‘หู’ อยู่นี่นา!”
ーー‘หู’ เหรอคะ?
ฉันสามารถพับใบหูใส่เข้าไปในรูหูตัวเองได้ค่ะ ไม่ใช่ว่าฉันเป็นคนที่ทำอะไรไม่ได้เลยสักหน่อย ต้องพับหูให้ดูให้ได้เลย! จึงบอกคณะกรรมการว่า “ฉันพับหูได้ค่ะ รบกวนดูด้วยนะคะ” แล้วไล่โชว์พับหูให้พวกเขาดูทั้งน้ำตาซึ่งเป็นภาพที่ฉันจำได้ขึ้นใจเลยค่ะ ท้ายที่สุดเขาก็ดูจะเพลิดเพลินกับการกระทำนี้ของฉันอยู่นะคะ…
พอเวลาผ่านไปสักพักฉันก็ได้รับการติดต่อว่าผ่านการออดิชันค่ะ ตอนผ่านออดิชันฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทุกครั้งที่ได้รับตารางงานใหม่ก็ตกอยู่ในสภาพ “เราออดิชันผ่านแล้วนี่เอง ไม่อยากจะเชื่อเลย” เรื่อยมาค่ะ
ฉันไม่เคยได้ตารางงานที่มีกำหนดการล่วงหน้ามากขนาดนี้มาก่อน เพราะงั้นฉันเลยคิดว่า “นี่เป็นตารางงานที่จัดโดยยึดจากการมีชีวิตอยู่ของฉันเป็นหลักเหรอ!?”…! และกลัวมาตลอดเลยค่ะว่าถ้าเกิดฉันเสียชีวิตด้วยเหตุบางอย่างขึ้นมาจะทำยังไงดี!? ฉันจะระวังตัวนะคะ…!
ーーมีความประทับใจแรกต่อเซราสยังไงบ้างเหรอคะ?
ตอนแรกสุดฉันไม่รู้ว่าเธอหน้าตาเป็นยังไง ถ้าให้พูดตามตรงก็คิดว่า “ชื่อจะยาวไปไหนเนี่ย!” น่ะค่ะ (หัวเราะ) แต่พอได้เห็นหน้าตาหลังจากนั้นก็คิดว่า “น่าร้าก~! ชอบมากเลยแฮะ!” แล้วชอบตั้งแต่แรกเห็นเลยค่ะ
พอคิดว่าจะได้รับบทเป็นเด็กคนนี้แล้วก็มีความสุขสุดๆ เลยค่ะ เพราะฉันคิดว่าถ้าได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับซีรีส์เลิฟไลฟ์ก็อยากรับบทเป็นฝั่งคู่แข่งด้วยน่ะค่ะ เพราะงั้นพอความปรารถนาสมหวังแล้วใจก็เต้นตึกตักเลยค่ะ อย่างตอนนี้ฉันก็ชอบเซ็ตจัง (เซราส) มากขึ้นทุกวันนะคะ อาจจะมีใครคิดว่าฉันลำเอียงก็ได้ แต่ถ้ามีคนถามว่าฉันโอชิใคร ฉันก็ชอบเซ็ตจังถึงขั้นพูดได้เต็มปากเลยนะคะว่า “เซราส ยานางิดะ ลิเลียนเฟลด์ยังไงล่ะ!”
ความเร่าร้อนที่เธอมีต่อเลิฟไลฟ์และสคูลไอดอลวิเศษจะตาย ทั้งยังมีความน่ารักสมวัยและความน่าเอ็นดูระเบิดออกมาเลยนะคะ! ฉันได้ค้นพบอะไรใหม่ๆ ในตัวเธอทุกครั้งที่ได้รับบทมา ฉันเองก็อยากเพลิดเพลินไปกับส่วนน่าสนใจที่ปรากฏออกมาเรื่อยๆ แต่ก็คิดเหมือนกันค่ะว่าเธอยังเป็นเด็กที่จับทางยากอยู่เลย
ーーก็เป็นคำที่เหมาะกับเจ้าตัวดีนะคะ (หัวเราะ) แล้วความสัมพันธ์กับอิสึมิล่ะเป็นยังไงบ้างคะ?
ก็มีส่วนที่เข้าใจยากอยู่นะคะ คืออาจจะดูเหมือนพวกเธอเย็นชาใส่กัน แต่เพราะฉันมองพวกเธอจากมุมคนทั่วไปถึงรู้ว่าความรู้สึกที่ทั้งสองมีให้กันเป็นยังไง ฉันเลยเฝ้ามองพวกเธอพร้อมกับใจที่เต้นไปด้วยค่ะ เป็นเด็กสองคนแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในซีรีส์เลิฟไลฟ์เลยเนอะคะ ฉันว่าจุดที่ดูภายนอกแล้วเป็นความสัมพันธ์แบบคู่สัญญา ดูมีความเป็นนายบ่าวนี่ดีมากเลยนะคะ
ーーมีฉากประทับใจในเนื้อเรื่องบ้างไหมคะ?
ถ้าเอาความประทับใจโดยรวมฉันชอบเซนส์การยิงมุกของเซ็ตจังค่ะ ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ตลกทั้งนั้นเลย
แล้วก็ฉากที่ฮานะจัง (คาโฮะ) รู้ว่าเซ็ตจังปรารถนาจะยืนบนเวทีการแสดงในฐานะสคูลไอดอลของโรงเรียนสตรีมิสึกาวะแล้วบอกว่า “มาลองดิ้นรนกันอีกนิดเถอะ” คือฉากที่ฉันได้อาบความสดใสของตัวเอกซีรีส์เลิฟไลฟ์ไปเต็มๆ จึงพากย์บทไปด้วยความประทับใจสุดๆ ค่ะ
พอได้มาพากย์บทข้างกันจริงๆ ฮานะจังก็เจิดจ้ามากซะจนได้รับการชำระล้างจนใสสะอาดเลยค่ะ (หัวเราะ)
ーーในการแข่งรอบชิงชนะเลิศแบบตัดสินใหม่ คุณได้ทำการแสดงกับคุณชินโด อามาเนะที่รับบทเป็นคัตสึรางิ อิสึมิ ในฐานะ Edel Note สินะคะ เป็นยังไงบ้างคะ?
ฉันได้เข้าคลาสเรียนแบบตารางแน่นเอี๊ยด ก็คิดว่าในที่สุดจะได้แสดงให้ทุกคนเห็นแล้วงั้นเหรอน่ะค่ะ ส่วนอามะจัง (คุณชินโด) ก็เด็ดเดี่ยวมากจนคิดว่าเจ๋งจังเลยนะ
ตอนที่ฉันทำอะไรไม่ได้แล้วพูดจาแง่ลบออกมาเธอจะคอยใส่ใจฉันด้วยความหนักแน่นที่ไม่เคยเปลี่ยนไป ฉะนั้นขณะที่อีกฝ่ายคอยรับฟังคำปรึกษาและเป็นที่พึ่งพิงให้ ฉันก็เอาเธอเป็นเยี่ยงอย่างและยืนหยัดจนได้ค่ะ ฉันรู้สึกขอบคุณเธอมากเลยค่ะ
พอฟังเรื่องจากคนที่อยู่ยูนิตอื่นแล้วเขาบอกว่า “เราปรึกษาหารือกันเยอะเลยเนอะ” ก็จะบอกว่าฝั่งพวกเราไม่ค่อยได้หารืออะไรกันเลยค่ะ คือฉันจะหาทางปรับตัวเองให้เข้ากับอีกฝ่ายให้ได้ พอกลับบ้านไปก็ตั้งหน้าตั้งตาดูการเคลื่อนไหวของอามะจังผ่านคลิปอย่างเอาจริงเอาจังแล้วซ้อมโดยที่ให้อีกฝ่ายสอนท่าเต้นที่ฉันเต้นไม่ได้ไปด้วยค่ะ
ถ้าเป็นความชำนาญด้านทักษะ เราสองคนก็อยู่ในระดับที่ตรงกันกับอิสึมิและเซ็ตจังเลยค่ะ ฉะนั้นฉันจะพยายามเพื่อให้เติบโตไปพร้อมๆ กับเซ็ตจังให้ได้นะคะ!
วันแข่งรอบตัดสินใหม่ฉันเพิ่งเคยสวมเอียร์มอนิเตอร์แล้วร้องเต้นครั้งแรกเลยเปล่งเสียงได้ไม่ดี ทำให้มีข้อผิดพลาดที่ต้องทบทวนอยู่หลายเรื่องเลยค่ะ แถมฉันยังประหม่าด้วย… แต่พอเห็นเสียงตอบรับและข้อความแสดงความยินดีเรื่องที่เซ็ตจังได้ยืนบนเวทีในฐานะสคูลไอดอลจากทุกคน รวมถึงคอมเมนต์ที่ชมเรื่องการแสดงเยอะมาก ฉันก็มีความสุขและรู้สึกเป็นพระคุณมากเลยค่ะ คิดเลยค่ะว่าอยากพยายามให้มากกว่านี้อีกจัง

ภาพการแสดงเพลง Edelied ในการแข่งเลิฟไลฟ์รอบตัดสินใหม่
ーーมีเป้าหมายในการทำกิจกรรมต่อจากนี้ไหมคะ?
หลังจากนี้ฉันจะได้เข้าเรียนที่ฮาสึโนะโซระและคงมีความหวังในการเป็นสคูลไอดอลเปี่ยมล้นเลยค่ะ ฉันเองก็ถูกคาดหวังในสิ่งที่ต่างกันไปในทุกๆ วันและอยากทำทุกเรื่องที่ทำได้ ฉะนั้นก็อยากท้าทายไปด้วยกันเรื่อยๆ ค่ะ ตอนนี้ฉันไฟแรงจนดับไม่ลงเลยนะคะ
อันที่จริงตอนเด็กๆ ฉันเคยโดนล้อเรื่องรูปร่างหน้าตาไม่ก็โดนพูดอะไรทำนองนั้นใส่จนเป็นปมที่ติดค้างอยู่ในใจมาตลอดทำให้ไม่มีความมั่นใจอยู่เสมอเลยค่ะ แล้วก็คิดด้วยว่าถ้าฉันมีความมั่นใจ ฉันคงพูดว่า “อยากเป็นนักพากย์เลิฟไลฟ์ค่ะ” ได้เร็วกว่านี้หรือเปล่านะ
แต่เซ็ตจังเคยบอกว่า “อยากเป็นสคูลไอดอลที่ทำให้ฝันของใครสักคนเป็นจริง” ฉะนั้นฉันก็จะเติบโตในฐานะแคสต์ของซีรีส์เลิฟไลฟ์ให้มากกว่านี้ จะเพียรพยายามเพื่อให้เป็นคนจุดประกายฝันและเป็นที่หลงใหลของใครสักคนได้ค่ะ
ーーสุดท้ายนี้รบกวนฝากข้อความถึงผู้อ่านหน่อยค่ะ
หลังจากฉันออดิชันผ่านก็มีโอกาสได้ไปดูไลฟ์ของฮาสึโนะโซระและเห็นผู้ชมทุกคนที่โบกแท่งไฟไปทางเวทีค่ะ ที่ผ่านมาฉันไม่ค่อยได้ไปดูไลฟ์ พอเห็นทุกคนที่มารวมตัวกันในฮอลก็คิดว่า “โห นี่มันความรักชัดๆ…!” ค่ะ พอคิดว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้คือคนที่รักฮาสึโนะโซระและซีรีส์เลิฟไลฟ์ ฉันก็ตื้นตันใจขึ้นมาเลยค่ะ
และเมื่อจินตนาการว่าหลังจากนี้ฉันจะได้ไปยืนอยู่บนเวทีนั้นบ้าง ฉันก็คิดว่าตัวเองจะทำให้ทุกคนที่คอยเชียร์ด้วยรอยยิ้มขนาดนี้ผิดหวังไม่ได้ และถ้าฉันทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมาได้สักนิดก่อนกลับบ้านก็คงจะดี! ค่ะ
เพื่อการนั้นแล้วฉันจะวิ่งสุดฝีก้าว ฉะนั้นช่วยเฝ้ามองฉันกันด้วยนะคะ ถ้าเอาแค่เรื่องความรักที่มีต่อเซ็ตจังละก็ฉันรักเซ็ตจังไม่แพ้ใครแน่ และต่อจากนี้ฉันจะพัฒนาตัวเองให้ได้อย่างแน่นอน เพราะงั้นก็ตั้งตารอชมกันได้เลยค่ะ!