Skip to main content

วันที่ 4 และ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา เราไปร่วมงาน Japan Park Singapore 2018 (https://jpsg.asia/) มาค่ะ เป็นอีเวนต์ที่รวมวัฒนธรรมต่างๆ ที่น่าสนใจของญี่ปุ่น มีโซนอาหารญี่ปุ่น กับ Chara Expo Mini จากบูชิโร้ดที่เราคุ้นเคยด้วย! และศิลปินที่มารวมงานในครั้งนี้คือ Poppin’ Party จากซีรีส์ Bang Dream Girl! นั่นเอง สมาชิกทั้ง 4 คนอย่างไอมิ (นักร้องนำ), อิโต้ อายาสะ (คีย์บอร์ด), โอสึกะ ซาเอะ (กีตาร์), นิชิโมโตะ ริมิ (เบส) ไม่ได้มาเป็นแขกรับเชิญในงานเพียงอย่างเดียวแต่มาจัดไลฟ์เดี่ยวกันด้วย!

ในเอนทรี่อาจมีภาพประกอบไม่เยอะนะคะ เพราะมือถือใกล้ถึงวันละสังขารกันแล้วทั้งคู่ (แต่ยังไม่ถึงขั้นจะกลายเป็นทริปสิงคโปร์ไม่มีมือถือแบบตอนโน้นนะ!) ไม่ได้พกกล้องที่ดีไปด้วย มีแต่กล้องคอมแพกต์โง่ๆ อายุขัยเกินเจ็ดปีที่อาจจะเก็บรายละเอียดได้ไม่ดีเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เลยจะเน้นเป็นข้อความล่ะ!

ขอบคุณ พี่ไก่ๆ (Nekopen) ที่ช่วยจองสิ่งต่างๆ แถมยังเป็นล่ามภาษาญี่ปุ่นให้สต๊าฟให้จนไม่นกบัตรมีตด้วยนะคะ… ทริปเกิดจากความวู่วาม ตอนแรกตั้งใจจะไปดูไลฟ์ของ Poppin’ Party อย่างเดียว (และจองตั๋วไลฟ์วันแรกที่เปิดจองโดยยังไม่มีอะไรเลยด้วย ตารางกิจกรรมก็ไม่มี วู่วามทริปสุดๆ) แต่มันทยอยประกาศออกมาเรื่อยๆ (ซึ่งมากระจุกอยู่สัปดาห์ท้ายๆ และหลายอย่างรู้จากในวิดีโอแนะนำตัวของศิลปินก่อนงานประกาศทางการอีก…) ทำให้แพลนทั้งสองวันเปลี่ยนจากกินหรูอยู่สบาย (…?) เดินชิลๆ ชมสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมกลายเป็นวนเวียนอยู่แค่ที่จัดงานแล้วรอพบปะศิลปินแทน…!!

การจัดการและประชาสัมพันธ์หลายอย่างไม่ทั่วถึงเท่าไหร่ หลายอย่างรู้ข้อมูลจากคนที่พี่ไก่ๆ ตามในทวิตไว้ด้วยนี่สิ… อย่างที่บอกว่าช่วงดีเลย์วิวมีศิลปินมาทอล์กด้วยงี้! มีตแอนด์กรีตไม่ใช่แค่สัมภาษณ์หรือถามตอบคำถามแต่เป็นวาตาชิไกงี้!? (ตอนแรกนึกว่าเป็นเหมือนตอนคินจังมาอนิเมตคราวโน้นซะอีกค่ะ ฮือ ไม่ได้เตรียมใจ—)

ช่วงที่เราทำได้ใกล้ชิดศิลปิน (มากๆ…) แบ่งออกเป็น 4 ช่วง

(1) Yukata Talk Show [วันเสาร์]

(2) Delayed View (Day1:Poppin’Party HAPPY PARTY 2018!) [วันเสาร์]

(3) Meet & Greet [วันอาทิตย์]

(4) Poppin’ Party Live in Singapore [วันอาทิตย์]

ซึ่งในเอนทรี่พาร์ทแรกนี้จะเป็นพวกสัพเพเหระต่างๆ กับกิจกรรมในวันเสาร์ค่ะ!  

  

เรากับพี่ไก่ๆ ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิกันเย็นวันศุกร์ค่ะ ถึงสนามบินสิงคโปร์ตอนประมาณสามทุ่มนิดๆ นั่งรถไฟเข้าเมือง กว่าจะถึงที่พักก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว ทำให้แม้แต่ย่าน Chinatown ก็แทบจะไม่มีร้านอะไรเบาๆ เปิดแล้ว อาหารมื้อแรกที่สิงคโปร์ของพวกเราเลยกลายเป็นพึ่งพาร้านเลขเจ็ดที่คุณคุ้นเคยกันไป และเราค่อนข้างประทับใจปริมาณเส้นและความหนาแน่นของข้าวปั้นที่นี่มากเลยค่ะ (…)

Chinatown Backpackers Inn ไม่ใกล้จาก MRT Chinatown มาก มีแบบโรงแรมแคปซูลด้วย ห้องพักก็เลือกได้ว่าจะนอนสองคนหรือสี่คน สไตล์โฮสเทล มีส่วนกลาง มีรองเท้าแตะให้ใส่เวลาเข้าห้องน้ำ… ช่วงเดินหาตอนแรกหาไม่เจอด้วย ประตูทางเข้ากลมกลืนกับผนังมาก ต้องไปเช็กอินก่อนพนักงานเลยสาธิตให้ดูว่าจะเข้าที่พักยังไง อะเมซิ่งสุด สภาพห้องโดยรวมโอเคอยู่นะคะ เป็นเตียงสองชั้น มีพื้นที่พอให้ยืน ในห้องมีกลิ่นอับหน่อยหนึ่งแต่ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ ห้องน้ำสะอาดดี แต่ชั้นที่เราพักมีห้องหนึ่งล็อกไม่ได้ (…) กับเห็นว่าข้างล่างมีเครื่องซักผ้าด้วยล่ะ! แต่ขยะที่ทิ้งในห้องนี่เขาไม่เข้ามาเก็บยันวันเช็กเอาท์เลยแฮะ… ไม่รู้ว่าเผลอไปแขวนป้ายห้ามรบกวนไว้หรือนโยบายของทางที่พักเป็นเก็บกวาดทีเดียวกันแน่…

แต่ปลั๊กไฟดูไม่ใช่แบบที่มีใช้กันทั่วไป ทำให้ไม่สามารถใช้กับสายชาร์จโทรศัพท์ที่เอาไปกันได้ค่ะ… เกือบกลายเป็นทริปสิงคโปร์ไม่มีมือถือแล้วจริงๆ (…) แต่พาวเวอร์แบงก์ยังพอยืดอายุขัยแบตเตอร์รีโทรศัพท์มือถือให้ผ่านพ้นหนึ่งคืนไปได้อยู่… วันรุ่งขึ้นเราก็ไปตามหาซื้อหัวแปลงมากู้ชีพเรียบร้อย แต่ซื้อมาอันเดียวแบ่งๆ กันใช้อยู่ดีล่ะ (ฮา)

คืนแรกหลังนั่งดูปะดิ้ว48กันจบก็ตกลงกันว่าจะเอายังไงกับบัตร Meet & Greet ดี ควรจะออกจากหอกี่โมงก็ได้คำตอบว่าตื่นเจ็ดโมงก็แล้วกัน ทำธุระอะไรเสร็จค่อยออก ใจไม่สู้ขนาดไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่าง… แต่อนิจจา ตื่นเช้าเกินไป ร้านข้าวยังไม่เปิดเหมือนเดิม มื้อที่สองของสิงคโปร์เลยต้องพึ่งพาร้านเลขเจ็ดอีกรอบล่ะค่ะ… 

…มื้อเช้าเป็นนมฮอกไกโดกับบามคูเฮน หรือนี่จะเป็นจังหวัดสิงคโปร์ประเทศญี่ปุ่น!?

งาน Japan Park Singapore ที่เราจะไปนี้ จัดที่ Suntec Singapore Convention & Exhibition Centre, Halls 403 – 404 ค่ะ เดินทางได้ด้วยการนั่งรถไฟฟ้าจาก MRT Chinatown สายดาวน์ทาวน์ไลน์ (สายสีน้ำเงิน) ไปลงสถานี Promenade แล้วต่อเซอร์เคิลไลน์ (สายสีเหลือง) ไปอีกหนึ่งสถานี พอถึงสถานี Esplanade แล้วออกจากสถานีมาก็ถึงที่หมายเลยค่ะ! แต่ภารกิจของเรายังไม่จบ เรายังตามหาฮอล์ที่สถานที่จัดงานกันต่อ เคล็ดลับของพี่ไก่ๆ คือมองคนที่ดูเหมือนจะชอบแบงดรีมแล้วเดินตามเขาไป และถูกด้วย สุดยอดไปเลยเนโกะเพน…!?

(สำหรับใครที่มีแผนจะไป… ไม่ว่าจะไปเที่ยวหรือไปติ่ง ทริปนี้ถึงพวกเราจะหาข้อมูลไปก่อนว่าเดินทางยังไง แต่ก็สามารถใช้ http://journey.smrt.com.sg/ เช็กข้อมูลเพื่อความชัวร์ได้เหมือนกันค่ะ มีบอกด้วยว่าใช้เวลาเดินทางกี่นาที ใช้ง่ายและค่อนข้างสะดวกเลย ข้อเสียคือต้องรู้ชื่อสถานีที่จะไปก่อนถึงจะเสิร์ชได้ล่ะ)

ระบบจัดการคิวก่อนเข้างานค่อนข้างงงนิดหน่อยสำหรับเรา… แต่เราจะข้ามมันไปค่ะ

ได้บัตรเข้างานมาหน้าตาแบบนี้ ต้องใช้สองวัน… แถมต้องใช้เข้าไลฟ์ด้วย แต่มาให้เป็นแบบที่ใส่แล้วถอดไม่ออก (…)

ด้านหน้าทางเข้ามีสแตนด์ดอกไม้กับสแตนด์ 1:1 สำหรับสาวๆ โปะปิปะที่มาวางไว้ด้วยล่ะ

https://twitter.com/ayasa_ito/status/1026442629058154496

ก่อนหน้านี้ตัวกิจกรรมมีตไม่ได้ระบุรายละเอียดอะไรเอาไว้เลย… มีแค่บอกว่าจัดที่บูท เวลาไหน และบูทค่อนข้างคับแคบเลยเมื่อเทียบกับปริมาณสิทธิ์ที่แจก รายละเอียดอื่นๆ ก็มีแค่ “ซื้อของในบูทบูชิโร้ดในงานครบ 60 เหรียญสิงคโปร์ต่อ 1 ใบเสร็จรับสิทธิ์ไปเลย” “แบ่งเป็น 2 กรุ๊ป คือ กรุ๊ป A ไอมิ & ริมิ และ กรุ๊ป B ซาเอะ & อายาสะ” “เปิดขายสองวัน จำกัด 40 สิทธิ์ต่อ 1 วันต่อ 1 กรุ๊ปเท่านั้น” กับอีกวิธีคือไปซื้อเซ็ตการ์ตูนแบงดรีมฉบับภาษาอังกฤษ (25 เหรียญ) แล้วสุ่มอีกทีว่าจะได้หรือเปล่า ได้กรุ๊ปไหน…

ตอนเห็นแถวแล้วท้อใจมากค่ะ เกิดบทสนทนาประมาณว่า “มีตไม่มีรายละเอียดอะไรเลยแฮะ” “ซื้อเสร็จค่อยไปหาอ่านเพิ่มก็แล้วกัน ถ้าได้ก็ดี ไม่ได้ก็ไม่สู้แล้วพรุ่งนี้ ง่วง” สุดท้ายพอไปถึงคิวก็ถามสต๊าฟ (ตอนแรกสื่อสารกันไม่เข้าใจจนต้องเปลี่ยนไปให้พี่ไก่ๆ พูดภาษาญี่ปุ่นแทนด้วย… การถามว่าสิทธิ์มีตยังเหลือไหมนี่มันไม่ใช่คำถามที่ใช้ในชีวิตประจำวันเลยค่ะ พราก) ได้ความว่าสิทธิ์ของกรุ๊ป A หมดแล้ว แต่อีกกรุ๊ปยังเหลือ… ของเราตอนแรกจะซื้อเสื้อไลฟ์ห้า แต่เสื้อหมด เลยซื้อลักกี้แบ็กมาแทน แต่ในถุงที่ได้ดันมีเสื้อไลฟ์สี่มาด้วย นับว่าคุ้มค่าอยู่หรอก ถึงคิวจ่ายเงินได้ตั๋วใบสุดท้ายของวันด้วย จากง่วงๆ ตื่นเลยค่ะ!

โซนคาราเอ็กโปมีสแตนดี้ขนาดเท่าตัวจริงของสาวๆ แบงดรีมทั้ง 25 คนด้วย!

มีจุดให้เล่นสคูลเฟสแบบจอใหญ่ๆ เพื่อรับของรางวัลด้วย… ว่าจะไปลองเหมือนกัน แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ไป…

พอได้ของกันเรียบร้อยก็ไปกินยากิโซบะในงาน (ตั๋วไลฟ์โปปิปะมีเงินให้ 8 เหรียญในบัตรด้วย ละยากิโซบะก็ราคานี้พอดี ถือว่าประหยัดค่าอาหารไปอีกหนึ่งมื้อ) นั่งรอช่วงทอล์กที่หน้าเวทีสลับกับเดินรอบงานที่แคบมากๆ ใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็เดินดูทั่วแล้วล่ะ…


(1) Yukata Talk Show

ทอล์กเริ่ม 15.00 น. (เวลาสิงค์โปร์) ตรงเวที Omakase Stage ค่ะ… ที่เดียวกับที่แสดงไลฟ์เลย ซึ่งตอนแรกพวกเรานึกว่ามันจะเป็นโซนปิด แต่จริงๆ แล้วดันเปิดโล่งสุดๆ ชนิดที่ว่าใครต่อใครเดินงานก็สามารถมีส่วนร่วมกับไลฟ์บนเวทีได้!! หลังจากตื่นมาต่อคิวรอสิทธิ์มีตแล้วก็ไปนั่งรอหน้าเวทีค่ะ เป็นระบบมาก่อนได้ก่อนเหมือนงานเปิดทั่วๆ ไป พี่ไก่ๆ เลือกที่นั่งมาอย่างดีด้วยการบอกว่า “ตามตำแหน่งแล้วซาเอจิกับอายาสะจังต้องยืนด้านนี้!” ใกล้ชิดสุดๆ ก่อนหน้ามีนักกีฬาว่ายน้ำสิงคโปร์มาแนะนำวิธีว่ายน้ำเร็วบอกต้องซ้อมทุกวันกับมีเรื่องของหุ่นยนต์ที่ดูล้ำๆ กับรำญี่ปุ่น ตื่นเต้นและมีส่วนร่วมกับทุกอย่างก่อนโปะปิปาจะขึ้น (…)

นั่งแถวหน้าสุด ใกล้ชิดระดับนี้… นั่งไปสักพัก กำลังจะเอาของในลักกี้แบ็กออกมาถ่ายรูปก็มีคนหิ้วเนโซเบริหนึ่งเมตรของโยจังมาวางข้างๆ ด้วย ฮา

เหมือนจะเลทไปหน่อย ทุกคนดูตื่นเต้น มีการแจ้งว่าช่วงนี้ห้ามถ่ายรูป ห้ามบันทึกเสียงหรือวิดีโอเหมือนอีเวนต์อื่นๆ รอ… พอ MC (พ่วงตำแหน่งล่าม) ขึ้นมาก็ย้ำอีกรอบ เตือนเสร็จก็ขิงว่ารู้นะว่าพวกคุณที่นั่งรออยู่ตรงนี้กำลังรอใครอยู่ แต่ขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ต้องบอกว่าฉันได้เห็นพวกเธอก่อนพวกคุณแล้วล่ะ เวรี่คาวาอี้มากๆ เลยค่า (แท่งไฟในมือสั่นไปหมดแล้ว–)

และแล้วก็ถึงเวลาที่รอคอย… ทุกคนเดินขึ้นเวทีมา ทุกคนล้วนดูดี น่ารักมากๆ ใจบางไปหมด

อายาสะจังขาวมาก ตัวเล็ก น้องงง

https://twitter.com/ayasa_ito/status/1025664021112844289

เป็นชุดยูกาตะแบบนี้ค่ะ หลังจากจบอีเวนต์ทุกคนอัปรูปเดียวกัน (…)

ช่วงนี้เป็นพูดคุยทั่วๆ ไปกับบทสัมภาษณ์นิดหน่อยค่ะ… แต่ทุกคนน่ารักมาก และเราก็ตระหนักว่าถึงอยู่แถวหน้าสุดก็มองหน้าคนบนเวทีได้อย่างเลือนราง โคตรดราม่า รู้สึกอยากตัดแว่นขึ้นมาเลย…!! 

มาถึงก็แนะนำตัวกับตัวละครที่ตัวเองพากย์ MC ก็อธิบาย Kira-Kira Doki-Doki เป็น something shiny and exciting แล้วไอมิดูชอบใจ เอามาออกเสียงด้วยสำเนียงแบบที่เห็นกันบ่อยๆ ในแบงดรีมทีวี ของโอทาเอะล่ามอธิบายว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่มี mysterious in her brain อันนี้ซาเอจิก็ดูชอบ ส่วนอายาสะจังบอกว่าอาริสะเป็นไทป์ “ซึนเดเระ” (แล้วทุกคนก็เฮ) ทำตัวซึนๆ กับคาสึมิ จริงๆ แล้วเป็นเด็กที่รักทุกคนในวงมาก (มีจังหวะที่ไอมิทัชแขนอายาสะจังแล้วทำท่าว้ายๆ ด้วย ไม้พายคาสึอาริในมือสั่นไปหมดแล้ว–)

 ริมิบอกว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่ชอบช็อกโกโคโรเน็ตของยามาบูกิเบเกอร์รี แล้วก็ลากเข้าฮัชชี่ (โอฮาชิ อายากะ ที่พากย์ซายะ (กลอง)) บอกว่างานคราวนี้เจ้าตัวติดธุระมาไม่ได้… คุยเสร็จหัวข้อเปลี่ยนไปเรื่องของกินที่ชอบ ไอมิบอกชอบชาบูๆ ชอบชาบูแกะ… มีถามในงานว่าเคยกินไหม แต่เหมือนจะไม่มีคนกิน เพราะสิงคโปร์ไม่ค่อยนิยมกินแกะกัน (ไม่แน่ใจว่าเข้าใจถูกไหม) ไอมิก็บอกว่า “Recommend!” ดะ ได้ ส่วนของริมิคำตอบเป็นช็อกโกแลตอยู่แล้วค่ะ

มีถามว่าเคยมาสิงคโปร์แล้วกี่ครั้ง ก็บอกว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มาจัดไลฟ์เดี่ยว

ถามว่าที่ไปอีเวนต์หลายๆ ที่ชอบที่ไหน… ไอมิบอกชอบที่ไปโอกินาวะกับฮัชชี่ พูดถึงพวกอาหารสไตล์ทรอปิคอล บอกสิงคโปร์อาหารก็แนวทรอบิคอลนะ

มีคนทักว่าอาหารสิงคโปร์ (บาคุเต… บักกุ๊ดเต๋แหละ) ชื่อคล้ายอาหารโอกินาวะ (ราฟุเต พี่ไก่ๆ บอกว่ามันคือหมูสามชั้นของโอกินาวะ หน้าตาแบบนี้) ไอมิเลยเอามาแรป โย่ว โย่ว บาคุเต ราฟุเต เมจจะคุเต บาคุเต ราฟุเต… คนดูฮาครืน จนพิธีกรบอกกว่านอกจากเล่นดนตรีได้แล้วยังเป็นแรปเปอร์ได้ด้วยเนอะคะ (…)

เหมือนจะมีซีนหนึ่งที่สาวๆ ไม่รู้ตัวว่าจอด้านหลังติดแล้ว ก็หันไปดูด้วยความตื่นเต้นกันด้วยล่ะค่ะ ไม่แน่ใจว่าอยู่ตอนช่วงไหน ส่วนคำถามต่อไป… พิธีกรเกริ่นว่างานเจแปนปาร์กเนี่ยมันมีบูทเกี่ยวกับพวกคัลเจอร์ของญี่ปุ่นอะเนอะ แล้วก็ถามว่ามีใครเคยเรียนอะไรที่ดูคัลเจอร์ๆ แบบนี้บ้างไหม

อายาสะจัง: ชงชา จัดดอกไม้ 

ริมิ: ซามูไร (…)

(ฟันดาบกับศิลปะการต่อสู้ในคลิป VTR ของไลฟ์ล่าสุดแหละค่ะ)

แล้วก็มีสาธิตการตั้งท่าฟันดาบ (ในจินตนาการ) ระหว่างริมิกับอายาสะจัง ริมิฟันฉึบๆ แล้วอายาสะจังทรุดลงไปกับพื้นแบบเล่นใหญ่มาก ซีนนี้ตายไปเลยค่า—————-

พิธีกรก็ทักว่ารู้ไหมในงานมีซามูไรรูมด้วยนะ (เป็นห้องเสื่อตาตามิ จ่ายเงิน 8 เหรียญเรียนอะไรต่างๆ เกี่ยวกับญี่ปุ่นอย่างพวกชงชาอะไรพวกนี้ได้ด้วยค่ะ แต่ต้องใช้เงินในบัตรซื้อ และต้องเติมขั้นต่ำ 10 เหรียญเราเลยขี้เกียจ…) แล้วทุกคนก็ฮือฮา อายาสะจังถึงกับลุกจากเก้าอี้ชะเง้อมองหา “เหหหหห ซามูไรรูมเหรอคะ ตรงไหนอะ ตรงไหน อยากไป อยากไป!” นึกภาพตามภาษาญี่ปุ่นเป็นพูดคำว่า 行きたい! (อิคิไต!) หลายรอบอย่างตื่นเต้นเพื่ออรรถรสก็ได้ค่ะ แบบว่าอายาสะจังลูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

มีถามถึงซิงเกิ้ล 二重の虹 (Double Rainbow) ที่เพิ่งวางจำหน่ายไป บอกให้อธิบายถึงความหมายของเพลงหน่อย ไอมิพูดถึงเพลงหลัก ทุกคนปรับความเข้าใจหลังจากวงแตกกันตามสตอรี่อีเวนต์ Episode 2 ที่ออกมา ทำให้เป็นเพลงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกหลากหลายค่ะ ส่วนริมิพูดถึงเพลงรอง 最高さあ行こう!  (Saa Ikou!) ที่แปลว่า “ไปกันเถอะ!” ก็ได้ หรือจะเล่นคำเพื่อให้ออกมาเป็น “ไซโค” (ที่หมายถึงสุดยอด, พิธีกรแปลว่า Awesome) ก็ได้ รวมๆ กันได้อารมณ์ประมาณว่า “เอ้า พวกเรามามุ่งไปหาอะไรที่มันสุดยอดด้วยกันเถอะ” มีการบอกว่าเป็นเพลงที่มีความหมายดี ทุกคนไปอ่านเนื้อกันดีๆ นะด้วยล่ะ 

ภาพปกซิงเกิ้ล เวอร์ชั่นบลูเรย์ค่ะ

ตัวอย่างเพลงในซิงเกิ้ลล่ะ

พิธีกรก็ถามสิ่งที่ทุกคนอยากถามว่า “งั้นไลฟ์พรุ่งนี้มีเพลงจากซิงเกิลนี้บ้างหรือเปล่า”

ซาเอจิ: ขึ้นอยู่กับโชคชะตานะคะ

บะ บ้าน่า… แต่โชคชะตาจะเป็นใจหรือไม่ติดตามได้ในพาร์ตสองนะคะ—- 

พอใกล้หมดช่วงทอล์กพิธีกรก็บอกให้หันไปหยิบอะไรบางอย่างด้านหลังกันมา ทุกคนก็หันไป… พบว่ามันเป็นการ์ตูนแบงดรีมฉบับภาษาอังกฤษ! แล้วก็ให้พากย์ซีนในนั้นกันสดๆ ให้ผู้ชมฟังกันค่ะ!! (กรี๊ดดดดดดดดดดดดด) แต่บทพากย์เป็นภาษาญี่ปุ่นนะคะ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ (ฮา) แต่ก่อนหน้านั้นทุกคนพยายามจะออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษกันด้วย แต่มันยาไบ้มากเลย (…)

หน้าปก Bang Dream! ฉบับภาษาอังกฤษโดยสำนักพิมพ์  Shogakukan Asia ทั้งสามเล่ม

การได้ดูนักพากย์พากย์สดเป็นอะไรที่เราตื่นเต้นมากกกกกกกกกกกกกกกก แต่ไม่แสดงออก (หรือแสดงออกนะ–) พากย์เสร็จล่ามบอกว่าปกติเราไม่ค่อยได้เห็นอะไรแบบนี้กันนะ ปกติเขาอัดเสียงกันในสตูดิโอ รู้สึกเป็นไงบ้างคะ ได้รู้กันแล้วใช่ไหมว่าระหว่างพากย์เขาทำหน้ากับดึงฟีลกันยังไง (ไอมิพากย์คาสึมิได้ดีดมาก นี่มันจ้างร้อยเล่นล้านแล้ว–)

อายาสะจังวอร์มเสียงด้วยคำว่า “หาาา โอมาเอออะ” ด้วยค่ะ ประทับใจ (?)

พอจบช่วงมีถามว่าอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง ส่วนใหญ่ก็ดีใจที่ได้รับการต้อนรับอีกครั้งแหละ จำไม่ค่อยได้ จำของอายาสะจังกับซาเอจิได้หน่อยหนึ่ง…

ซาเอจิ: ได้ยินจากสต๊าฟมาว่ามีคนมาต่อคิวรอตั้งแต่เช้าตรู่ด้วย รู้สึกดีใจนะคะ จนอยากตอบแทนความรักของแฟนๆ ด้วยการใส่พลังลงไปในไลฟ์ให้เต็มที่เลยค่ะ

อายาสะ: รู้ว่าแฟนๆ กำลังตั้งหน้าตั้งตารอไลฟ์ของพวกเราค่ะ… ฉันเองก็กำลังตั้งหน้าตั้งตารอตอนที่แฟนๆ ได้ตื่นเต้นไปกับไลฟ์เหมือนกัน

แล้วก็มีอันที่จำไม่ได้ว่าใครพูด น่าจะริมิ… ที่บอกว่ามาสิงคโปร์แต่ละครั้งแล้วเหมือนแฟนๆ จะเยอะขึ้นทุกรอบ รู้สึกดีใจมากๆ คราวนี้ก็จะทำเต็มที่เหมือนกัน สุดท้ายก่อนลงสเตจ ไอมิหยิบการ์ตูนมาถือไว้ (…) ก่อนจะอธิบายสรรพคุณเพิ่มค่ะ บอกว่ามีบูทขายอยู่ตรงโน้น (โซนคาราเอ็กโปมินิ ใกล้ๆ บูทบูชิโร้ด) ไปซื้อกันได้นะ แน่ะ ขายเก่ง——- 

จากนั้นก็ย้ายถิ่นฐานกันไปยังสถานที่จัดดีเลย์วิวค่ะ!


(2) Delayed View (Day1:Poppin’Party HAPPY PARTY 2018!)

สถานที่จัดดีเลย์วิวเป็นโรงหนัง Golden Village ที่ห้าง Sunplaza นั่ง MRT สายเซอร์เคิลไลน์ไปหน่อยหนึ่ง ลงสถานี Dhoby Ghaut แล้วหาอะไรกินนิดหน่อย แต่เพราะในห้างมีแต่ร้าน อาหารญี่ปุ่น อาหารจีน อาหารเกาหลีละลานตามากแทบไม่ต่างจากห้างในไทยเลย ก็ไม่รู้จะกินอะไรไปอีก… สุดท้ายเลยพึ่งพาฟู้ดคอร์ตค่ะ แต่ฟู้ดคอร์ตที่นี่เองก็สร้างความคัลเจอร์ช็อกให้เรากับไก่ๆ หน่อยหนึ่งอีกด้วย…

เพราะด้วยนวัตกรรม Cashless ของสิงคโปร์!

ทำให้ฟู้ดคอร์ตที่นี่ไม่ต้องใช้เงินสด… แต่ถ้ามันไม่แปลกพอละก็เราจะแจกแจงเพิ่มให้!

  1. ตัวการ์ดต้องเติมขั้นต่ำ 10 เหรียญ ถ้าเปิดใช้ครั้งแรกต้องเสียค่าธรรมเนียมค่าบัตรด้วย 2 เหรียญ แต่ราคาเฉลี่ยอาหารในฟู้ดคอร์ตจะอยู่ที่ 4-8 เหรียญ
  2. ตัวการ์ดแลกเงินคืนไม่ได้นะจ๊ะ

ดูเป็นนวัตกรรมที่สะดวกสำหรับคนในพื้นที่มากเลยค่ะ แต่กับนักท่องเที่ยวและขาจรที่ต้องแวะมาแค่ในยามจำเป็นนี่ก็แอบลำบากนิดหนึ่ง แต่ก็บ่นได้ไม่เต็มปากเท่าไหร่ เพราะมันไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวแต่แรกนี่นะ ฮือ สุดท้ายด้วยความประหยัดเลยหารกันซื้อบัตรใบเดียวแทนค่ะ อยากกินอะไรก็ไปดูราคาว่าต้องเติมอีกเท่าไหร่แล้วค่อยซื้อแทน ด้านรสชาติเราค่อนข้างประทับใจเลยแหละ ส่วนด้านปริมาณมันเยอะมากจนกินไม่หมด…

เสร็จแล้วก็ไปรับตั๋วจากคนสิงคโปร์ที่ซื้อตั๋วให้ค่ะ… เขาดูกว้างขวางดี เหมือนจะซื้อให้หลายๆ คนเลยด้วย

ดีเลย์วิวตอนตัดสินใจให้เขาจองไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่… อย่างที่เกริ่นไปตอนแรกว่ามารู้รายละเอียดหลายๆ อย่างเอาทีหลัง มีกิจกรรมสุดเซอร์ไพร์สในโรง นอกจากมินิทอล์กกับเหล่านักพากย์อย่างใกล้ชิดแล้วยังมีการจับฉลากหมายเลขที่นั่งสำหรับผู้โชคดี 3 คนที่จะได้รับลายเซ็นของสมาชิก Poppin’ Party ทั้ง 5 คน!  ซึ่งตอนบ่ายเป็นการคุยเรื่องทั่วๆ ไป แต่รอบเย็นนี้เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับไลฟ์ที่พวกเราจะได้ดูกัน!

เราได้ที่นั่ง B18 ส่วนไก่ๆ ได้ A20… แถวหน้าๆ เลย ช่วงทอล์กจึงใกล้อายาสะจังกับซาเอจิมาก ห่างแบบไม่ถึงห้าเมตรด้วยซ้ำ แต่ช่วงไลฟ์นี่แหงนคอดูแบบเมื่อยสุดๆ เลยค่ะ—

https://twitter.com/OSae1010/status/1026096104851496960

ตอนบ่ายทุกคนมาในชุดยูกาตะ ส่วนคราวนี้มาในชุดนักเรียนหน้าร้อนค่ะ เปิดมาด้วยการแนะนำตัวภาษาอังกฤษ รูปแบบประโยคก็ทั่วๆ ไปอย่าง “ฉันไอมิ… กีตาร์กับนักร้องนำ… ให้เสียงโทยามะ คาสึมิค่ะ!” ของไอมิกับซาเอจิยังโอเคอยู่ ถึงคิวริมิแล้วเจ้าตัวอ้ำอึ้ง ดูบทไปเลยยกฝ่ามือขึ้นมาดูที่จดกันโต้งๆ ส่วนอายาสะจังก็ตะกุกตะกักเหมือนกัน แต่ไม่มีโพย ริมิยื่นมือตัดหน้าไอมิ (…) มาแบ่งโพยให้ ว่าแต่มันแบ่งกันได้ด้วยเหรอ!?

จากนั้นก็เป็นช่วงถามตอบ… ที่เหมือนทุกคน (ยกเว้นเรา) ในโรงดูเข้าใจภาษาญี่ปุ่นก่อนที่ล่ามจะแปลให้

คำถามส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับไลฟ์ อย่างใช้เวลาซ้อมก่อนแสดงนานแค่ไหน (คำตอบคือสองเดือน) ความประทับใจก่อนไลฟ์ที่ไปพักโรงแรมแล้วอายาสะจังบังเอิญเจอแฟนจากฟิลิปปินส์ แล้วแฟนคนนั้นก็เหมือนจะบินมาดูดีเลย์วิวด้วย ทุกคนแบบ “โอ้วววววว” (และเขาก็เป็นคนเดียวกับที่ได้ลายเซ็นด้วย เฮกันลั่นโรง อายาสะจังตื่นเต้นใหญ่เลย ดวงดีอะไรขนาดนี้…) จุดที่อยากให้จับตาดูพิเศษในไลฟ์ (เซ็กซี่พาวเวอร์กับเบบี้พาวเวอร์…!?) ถามเรื่องการฝึกพิเศษ มีถามว่าในอนาคตอยากให้ในไลฟ์โปะปิปะมีอะไรเป็นพิเศษอีกไหมอายาสะจังตอบว่าอยากมีไลฟ์ที่สมาชิกทุกคนเต้นด้วยกัน… ณ จุดนั้นซาเอจิ… เดินหนีทันทีเลยค่ะ (…) จนอายาสะจังต้องไล่ตามไปล็อกตัวกลับมา จากที่แพตตี้บอกมาในคลิปแฟนมีตติ้งซาเอจิดูไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้–  

อายาสะจังที่เวลาคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรจะจบประโยคด้วยคำว่า Enjoy! จนไอมิเอาไปใส่แคปชั่นในทวิตล้อเลียน (…)

https://twitter.com/aimi_sound/status/1025975484171964416

แล้วก็ถึงช่วงดูไลฟ์กันค่ะ… มีคำบรรยายภาษาอังกฤษทั้งไลฟ์เลย! ทั้งช่วงพูดธรรมดากับ VTR คั่น THE THIRD เท่มากจริงๆ กับจำซีนที่ฮัชชี่เขย่าแทมโบรีนแรงจนชิ้นส่วนกระจายด้วยลงพื้นเวทีด้วย… (ถ้าใครเคยดูไลฟ์ของบูโดกังเจ้าตัวก็ทำแบบนี้มารอบหนึ่งแล้วค่ะ ไลฟ์ตอนต้นปีก็ตีกลองจนไม้กลองแตกกระจายด้วย–) นอกนั้นไม่รู้จะเขียนถึงอะไรเป็นพิเศษ ด้วยความที่ตื่นเช้ามากๆ กันมาทำให้มีวูบในโรงเป็นพักๆ โดยเฉพาะช่วงฉาย VTR คั่น… เพราะแบงดรีมแชนแนลเอาลงยูทูปไปหมดแล้ว และดูไปหลายรอบแล้วด้วย (…) แต่ตอนของไอมินี่แอบน้ำตาซึมหน่อยๆ เหมือนกันนะคะ…

อันนี้ค่ะ ท้ายๆ คลิปไอมิบอกว่าโดนหลอกมา (…) “ไหนตอนแรกบอกว่าแค่อัดอะไรขำๆ ไงงงง!!” (โถ…) สุดท้ายเซอร์ไพร์สด้วยการเอาจดหมายจากสมาชิกอีกสี่คนมาให้อ่าน บ่อน้ำตาแตกกันไป ผู้ชายที่นั่งฝั่งตรงข้ามร้องไห้หนักมากเลยล่ะค่ะ… (แต่ชอบนะคะ ชอบท่อนที่หลายๆ คนบอกว่า (ไม่ได้แปลตรงๆ นะคะแต่เอามาสรุปรวมกันกับเลือกคำให้สละสลวยนิดหนึ่ง) “ขอบคุณไอมิที่คอยทำเพื่อวง เป็นลีดเดอร์ที่คอยแบกทุกคนมาตลอด จากนี้พวกเราก็จะพยายามเพื่อที่จะได้เป็นกำลังให้ไอมิเหมือนกัน” …การฝึกสตาร์พาวเวอร์ (ที่ตอนแรกมีทั้งคาเบด้งอากาศ คาบขนมปังไปวิ่งชนกับตัวเอง นั่งกินข้าวเปล่ากับผงโรยข้าว ตั้งชื่อให้ทามะและอื่นๆ อีกมากมาย…) ได้ข้อสรุปว่าลีดเดอร์จะเปล่งประกาย (?) ได้ก็เพราะพลังจากทุกคนค่ะ!

เออ ยังไงเราก็ชอบดูอะไรในโรงมากกว่าดูจากหน้าจอล่ะ (พวกภาพยนตร์ด้วย…) ถึงจะเนื้อหาเหมือนกันแถมดูมาแล้วก็จริงแต่ไปดูในโรงนี่อินกว่าเยอะเลย สงสัยคล้อยตามบรรยากาศ—

ดีเลย์วิวจบก็สี่ทุ่มกว่าๆ แล้วค่ะ… จากแพลนตอนแรกที่อยากไปดูเมอไลออนหลังจบเป็นอันต้องล่มไปเพราะทั้งง่วงและขี้เกียจแล้ว พวกเราเลยเดินทางกลับที่พัก แวะซื้ออะไรจากร้านเลขเจ็ดเหมือนเดิมแล้วกลับที่พักกัน จากนั้นก็เตรียมตัวสำหรับกิจกรรมที่เหลือในวันรุ่งขึ้นค่ะ!

คอมเมนต์กัน!