Skip to main content

บันทึกการเดินทางไปแสวงบุญแบบกระท่อนกระแท่นแบบย้อนหลัง… นอกจากบล็อกตัวเองแล้วยังเอามาลงรวมไว้ในเครือข่ายถังคุงด้วยนะ เป็นการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งแรก ในช่วงวันที่ 14-19 มกราคม ที่ผ่านมาค่ะ กว่าจะได้เขียนอย่างจริงจังก็ปาไปเกือบครึ่งปีแล้วล่ะ เย้ (*´▽`*)

  • เดินทางโดยเที่ยวบินของ Air Asia X วันที่ 14 มกรา ไฟล์ท 23.55 น. จากสนามบินดอนเมืองถึงสนามบินนาริตะ
  • ไปคนเดียวค่ะ ไปครั้งแรกด้วย เปรี้ยวมาก สกิลภาษาญี่ปุ่นก็มีแค่ระดับติ่งพึงรู้ คันจงคันจิก็อ่านได้แค่บางตัว สกิลภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ (*´▽`*) (…) สื่อสารด้วยภาษามือเป็นหลัก ภาษาอังกฤษเป็นรอง และภาษาญี่ปุ่นแบบเป็นคำๆ เป็นออปชั่นเสริม
  • พูดภาษาอังกฤษไปพนักงานเหมือนจะฟังรู้เรื่องนะคะ แต่ก็ทำหน้า (´⊙ω⊙`) แล้วรัวภาษาญี่ปุ่นใส่อยู่ดี (…)
  • พักที่เกสต์เฮาส์ Tokyo Backpackers ใกล้ๆ สถานีโตเกียวเมโทรมินามิเซนจู (เดินเท้าประมาณ 5 – 10 นาที) ที่พักมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้ ลงภาษาไทยไว้ด้วย …นี่แหละตัวช่วยชีวิตของเราในทริปนี้!

ข้อดี ของการพักเกสต์เฮาส์คือมีพื้นที่กว้างขวางค่ะ มีคอมพิวเตอร์ มีครัวให้ใช้ เดินไปไม่ถึงร้อยเมตรมีซูเปอร์มาเก็ตด้วย อยากลองทำอาหารมากแต่เกรงใจ (...) ได้พบปะผู้คนหลายเชื้อชาติทั้งจีน เกาหลี ฟิลิปปินส์ ญี่ปุ่น ส่วนข้อเสีย คือคนที่ชอบความเป็นส่วนตัวอาจจะไม่ชอบการพักรวมเท่าไหร่ กับถ้าดวงไม่ดีเจอเพื่อนร่วมห้องพักไม่ค่อยโอเคก็ซวยไป แต่ถ้ากังวลจริงๆ ทางหอมีล็อกเกอร์ให้ใส่ของมีค่าด้วยนะคะ

การเตรียมตัวก่อนเดินทาง เราทำตารางการท่องเที่ยวคร่าวๆ พร้อมศึกษาเส้นทางรถไฟของโตเกียวเมโทรและสายรถที่จะพาเราไปยังอีเวนต์ฮานาโยะทันโจบิไว้ค่ะ! ด้วยเว็บไซต์โตเกียวเมโทรและไฮเปอร์เดียที่คุณคู่ควร เขียนไว้ยันลงสถานีไหนและเดินทางกี่นาทีกันเลยทีเดียว พร้อมค่าใช้จ่ายแบบคร่าวๆ และทำซองใส่แยกเงินค่าเดินทางค่ากินและค่าติ่งเผื่อไว้ ♪ (m゜∀ ゜m)

ประมาณนี้ค่ะ แต่เราเผลอลบไฟล์ต้นฉบับไปแล้วเลยเหลือแค่ที่ยังไม่สมบูรณ์ (มาก) ที่เคยแคปส่งให้คนอื่น…

จริงๆ เราเข้าอุเอโนะด้วย Keisei Skyliner แบบซื้อตั๋วแพ็คเกจไป-กลับ (เกิดอะไรฉุกเฉินอย่างน้อยเราก็มีตั๋วกลับสนามบินแล้วค่ะ (*´▽`*) พร้อม Tokyo Metro Pass แบบสามวันนะคะ (มีไปซื้อแบบวันเดย์พาสเพิ่มทีหลังด้วย) ตื่นเต้นกับรถไฟเข้าเมืองที่ดูดี (…) กับเวลาโดยประมาณเราก็ไม่ยึดตามนั้นซะทีเดียว เอาเข้าจริงสลับลำดับที่ที่จะไปเยอะเลย แถมใช้เวลาตามอารมณ์และความหิว (?) อีกต่างหาก…

พอได้ตารางที่สมบูรณ์เราก็ทำแยกเป็น 3 ฉบับค่ะ ฉบับออนไลน์ในกูเกิ้ลดอค, ฉบับ .pdf เผื่ออินเทอร์เน็ตเข้าไม่ถึง และฉบับที่ปริ้นท์ออกมาเป็นกระดาษเผื่อไว้ค่ะ นั่นแหละ เป็นโชคดีในโชคร้ายของเราอีกเรื่อง... เพราะศึกษาสถานที่ที่จะไปเองเลยจำอะไรที่ไม่ได้เขียนลงไปได้คร่าวๆ ด้วย ดีเหลือเกิน! ถึงทุกท่านที่ไปอาจไม่ทำมือถือพังแบบเรา (...) แต่เผื่อไว้แบบนี้ก็ไม่เลวนะ (*´▽`*)


เกริ่นกันไปพอสมควรแล้วเรามาเริ่มทริปกันเลยดีกว่า!

ก็นั่นแหละค่ะ ขอข้ามขั้นตอนการเข้าประเทศตามที่สามารถหาวิธีได้ทั่วไปในเน็ตเลยดีกว่า (…) ไปถึงวันแรก เอากระเป๋าไปฝากที่พักแล้วออกไปเที่ยวพลางๆ รอเวลาเช็กอิน โดยมุ่งหน้าสู่นางาโนะบรอดเวย์แหล่งสินค้ามือสองที่ดีเลยค่ะ (…) แต่หลังจากเตร็ดเตร่อยู่ไม่นาน มือถือตัวดีที่เปลี่ยนซิมแล้วก็ได้รับความชื้นและจอดับไป เกิดเป็นทริปโตเกียวไม่มือถือขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ (´ロ´;)!!(´ロ´;)!!(´ロ´;)!!

(กรี๊ด (´ロ´;)!!(´ロ´;)!!(´ロ´;)!!(´ロ´;)!!)

ตะ แต่อย่าเพิ่งตกใจไป! เราศึกษามาแล้ว!? (´ロ´;)!!

วิธีรับมือเมื่อทำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคเพียงหนึ่งเดียวพังในต่างประเทศ

  • อันดับแรก… เลือกได้ก็อย่าทำมันพังเลยค่ะ (…) (*´▽`*)
  • หากท่านมีแท็บเล็ตท่านจะไม่ประสบปัญหานี้ (…) (*´▽`*)
  • สองข้อแรกเงื่อนไขเราก็ไม่ผ่านแล้วเฟ้ย!!!
  • ก่อนอื่นเลย ต้องตั้งสติให้มั่นอย่าเพิ่งแพนิคค่ะ ถ้าที่พักมีคอมพิวเตอร์ให้ใช้แบบเราก็ดีไป แต่ถ้าไม่มีล่ะ? มองหา ‘อินเทอร์เน็ตคาเฟ่’ (ネットカフェ) เพื่อแจ้งข่าวให้ผองเพื่อนฝั่งนี้ทราบก่อน เวลาเราหายไปนานๆ เขาจะได้ไม่ตกใจ และเผลอไปแจ้งความ… (´ロ´;)!!)
    • ถ้าหาไม่ได้จริงๆ อย่างน้อยที่สุดที่สนามบินฮาเนดะกับสนามบินนาริตะ(ทั้งก่อนเช็กอินและหลังเข้าไปข้างในแล้ว) มีบริการอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ให้ใช้นะคะ ค่าบริการ 100 เยน ต่อ 10 นาที ถ้าไม่มีเหรียญก็มีตู้แลกอยู่เหมือนกัน ช่างเป็น 10 นาทีที่แพงเหลือเกิน (…)
  • เอกสารและข้อมูลสำคัญเช่น ตารางการเดินทาง ตั๋วเครื่องบิน วิธีการขึ้นลงรถไฟ ให้ทำเวอร์ชั่นที่ปริ้นท์ออกมาเผื่อไว้ตอนฉุกเฉินสักฉบับ มันช่วยได้เยอะจริงๆ นะ… การศึกษาหาข้อมูลเองก่อนมาก็ช่วยได้เยอะเหมือนกัน (m゜∀ ゜m)
  • แผนที่รถไฟสามารถหยิบได้ตามสถานี เราไม่แน่ใจว่ามีทุกสถานีไหมแต่เห็นบ่อยอยู่นะคะ
  • จำเอกลักษณ์ของที่พักและการเดินทางไปสถานที่สำคัญอย่างสนามบินหรือสถานีรถไฟใกล้ๆให้ได้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องกลับที่พักให้ถูก! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราต้องเดินทางไปสนามบินให้ได้! (…) (*´▽`*)
  • เผื่อเงินสำรองไว้ค่ะ… อย่าใช้ทุกอย่างแบบเต็มโควต้า ถ้าแยกซองค่าเดินทาง ค่ากิน ค่าสินค้าฟุ่มเฟือย ค่าของฝากได้ยิ่งดี
  • ทุกอย่างพัง? ไม่ได้ปริ้นท์ตั๋วเครื่องบินและอะไรต่อมิอะไรไว้ด้วย! (m゜∀ ゜m) (นี่มันแย่แล้ว…) ถ้าถึงขั้นนี้ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้วค่ะ ซื้อเม็มการ์ดราคาไม่แรงแถวอากิฮาบาระ (ที่เราเห็นมีประมาณ 300-400 เยนด้วย) มาซะ มองหาอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ เซฟไฟล์ใส่เม็มการ์ดแล้วไปปริ้นท์ที่เซเว่นเลยค่ะ แต่ถ้ากดเป็นภาษาอังกฤษจะไม่มีฟังก์ชั่นปริ้นท์ให้นะ แต่ถ้าอ่านคาตากานะออกก็สบาย มองหาคำว่า プリント (ปริ้นท์) ตั้งค่านิดหน่อยแผ่นละ 10 เยนเท่านั้น (*´▽`*)
  • แม้จะลำบากที่ไม่มีกูเกิ้ลแมป แต่สถานการณ์แบบนั้นให้ดูป้ายบอกทางและอ่านแผนที่ตามข้างทางบ่อยๆ ค่ะ แม้บางอันจะเป็นญี่ปุ่นล้วน และเราอ่านคันจิไม่ออก (…) แต่บางอันมันก็มีภาษาอังกฤษระบุไว้ค่ะ

ศาลเจ้าคันดะเมียวจินที่เดินตามแผนที่ไปเรื่อยๆ จากสถานี JR อากิฮาบาระค่ะ (…)

ตามป้ายไป

  • ตอนไปอีเวนต์ฮานาโยะทันโจบิเราก็เดินตามป้ายไปค่ะ สถานที่จัดงานคืออาคาร Institute of Industrial Promotion Kawasaki เดินจากสถานี JR คาวาซากิฝั่งทางออกตะวันตกประมาณ 8 นาที.. ตอนแรกเดินตามป้าย สักพักเดินตามคาโยะจินโอชิที่มีออปชั่นเต็มตัวไปค่ะ (…) (m゜∀ ゜m)

เอ๊ะ? ไหนว่ามือถือพังแล้วถ่ายรูปมาได้ยังไงน่ะ…?

เราเดินขึ้นร้านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคในย่านอากิฮาบาระแล้วสอยกล้องมือสองราคา 3,000 เยนมาค่ะ (´ロ´;)!!)

เดินทางแบบไร้อินเทอร์เน็ตน่ะพอไหว แต่การไม่ได้ถ่ายรูปอะไรเลยตลอดทริปเราทนไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นแต่เก็บภาพความทรงจำไม่ได้ยิ่งปวดใจ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚เพราะงั้นเผื่อฉุกเฉินอีกรอบใครพกกล้องมาได้ก็พกนะคะ อย่าทำทุกอย่างด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคชิ้นเดียวแบบเรา (…) (*´▽`*)

(ภาพในเอนทรี่อาจไม่ค่อยคมชัดเท่าไหร่แต่ก็สมราคากล้องมือสองราคา 3,000 เยนล่ะค่ะ ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚


จบพาร์ทเกริ่นนำแล้ว มาต่อจากพาร์ทการรีพอร์ทอีเวนต์บ้าง เนื่องจากตอนที่เราไปนั้นอยู่ในช่วงวันเกิดของ โคอิสึมิ ฮานาโยะ พอดี ตอนไปถึงอากิฮาบาระก็เจอสีเขียวมากมาย ตื้นตันใจมากเลยค่ะ (m゜∀ ゜m)

บริเวณหน้าร้านเซก้าในอากิฮาบาระ

เย้ มาเยือน (…)

เจอข้าวสารรุ่นคาโยะจินด้วยค่ะ ไม่ได้ซื้อมา มีสติพอ… เพราะเอาเงินส่วนของข้าวไปซื้อกล้องมีสองมาต่างหากล่ะเฟ้ย!!

…แค่สี่รูปแรกก็พอเห็นแล้วหรือยังคะว่าถ้าไม่ได้ถ่ายรูปไว้จะเจ็บปวดแค่ไหน!! (…) (*´▽`*)

ได้มีโอกาสไปแปะโพสต์อิทอวยพรวันเกิดที่เซก้ามาด้วยล่ะค่ะ! แต่กล้องถ่ายมามองไม่ค่อยเห็นเท่าไหร่… แอบอ่านดูแล้วมีทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาเกาหลี และแน่นอนภาษาไทยของเรา อันสีเหลืองระหว่างรวงข้าวอันนั้นนั่นเอง (m゜∀ ゜m)

ตู้เขียวที่เซก้าค่ะ ♪

ตอนควักคาโยะจินออกมาถ่ายพนักงานเซก้าแอบอมยิ้มด้วย เขินอายเหลือเกิน! (m゜∀ ゜m)


ฮานาโยะทันโจบิอีเวนต์ วันที่ 17 มกรา อีเวนต์หลักที่ทำให้เราขาดสติมาถึงนี่!

เกริ่นก่อนนิดๆ ว่ามันเป็นงานขายโดจินและสินค้าแฮนด์เมดจากแฟนๆ ค่ะ ♪

อันดับแรกเลย ก่อนมาเราต้องศึกษาวิธีไปก่อน ดูจากเว็บไซต์แล้วบอกว่างานจัดที่ อาคาร Institute of Industrial Promotion Kawasaki (ชั้น 4 และ ชั้น 9) เดินออกจากสถานี JR คาวาซากิฝั่งประตูตะวันตกประมาณ 8 นาที…

โอเคค่ะ ก่อนไปหาว่าประตูทางออกอยู่ส่วนไหนของสถานี เราไปหาวิธีการเดินทางไป JR คาวาซากิก่อนดีกว่า

เว็บไฮเปอร์เดียช่วยคุณได้!

เจอแล้ว!! จากสถานี JR อุเอโนะ ไปประมาณ 30 นาที ราคาตั๋ว 390 เยน จำสายรถไว้แล้วไปหาอีกทีว่าต้องไปชานชาลาหมายเลขอะไร ถ้าไม่ชัวร์เดินไปถึงชานชาลาแล้วยังงงๆ ก็ลองมองหาป้ายดู เขาจะมีบอกแหละค่ะว่ารถไฟขบวนนี้มาจากไหนแล้วกำลังจะไปไหน แวะเช็กกันเพื่อความชัวร์ก็ได้นะคะ (*´▽`*)

จริงๆ มันนั่ง JR จากมินามิเซนจูไปต่อรถได้แหละค่ะ แต่เรานั่งเมโทรจากมินามิเซนจูไปอุเอโนะแล้วต่อ JR อีกทอดหนึ่งแทน... ไม่ทันคิด แต่ต่อรถไฟหลายต่อเราก็กลัวไปผิดฝั่งล่ะ (...)

390 เยน เราศึกษามาแล้ว โก!!

ไปถึงก็เดินออกตามทางออกที่เราจำมาค่ะ (…) จะเจอห้างที่ชื่อคาวาซากิอะไรสักอย่าง เดินออกไปตามแผนที่ที่เขาให้ไว้ในเว็บ มองซ้ายมองขวาตามหาป้ายไปเรื่อยๆ ตั้งแต่ทำมือถือพังไปเราก็อ่านพวกป้ายบอกทางกับแผนที่บ่อยมากเลยค่ะ แบบว่าระแวง

เจอแล้ว! เขาบอกว่าทางโน้น เดินไปค่ะ!

…เดินตามป้ายมาสักพักก็เปลี่ยนเป็นเดินตามคาโยะจินโอชิที่กล่าวไปในหัวข้อก่อนแทน! (*´▽`*)

ไปถึงหน้าอาคารก็เข้าแถวรอเข้างานค่ะ… พอใกล้ถึงเวลาสต๊าฟอีเวนต์ก็ให้คนที่ซื้อแคตตาล็อกสำหรับเข้างานแล้วเข้าไปก่อน ส่วนคนที่ยังไม่มีสามารถซื้อได้หน้างานในราคา 300 เยน (m゜∀ ゜m) ลักษณะเดียวกับอีเวนต์มากิทันโจบิที่แพตตี้กับพี่ป๋าเคยไปเมื่อคราวโน้น ส่วนเราก็มาซื้อหน้างานนี่แหละค่ะ ไม่มีกูเกิ้ลแมปแล้ววันก่อนหน้านั้นเราเดินตามหาเมล่อนกับโทระในอากิบะไม่เจอ มาเจออีกทีหลังกลับจากอีเวนต์แล้ว..˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚

แคตตาล็อกหน้าตาแบบนี้

โปสเตอร์อีเวนต์ก่อนขึ้นลิฟต์ เย้

เข้ามาในงานจะเจอป้าย แฮปปี้เบิร์ทเดย์! มีเค้กกับฟิกเกอร์และปูจิจำนวนมากวางไว้บนโต๊ะตรงทางเข้าด้วยนะคะ เข้าไปในงานทุกเซอร์เคิลมีข้าวปั้นวางอยู่บนโต๊ะค่ะ ไซส์เล็ก ไซส์ใหญ่ ของจริง ของปลอม ตุ๊กตาข้าวปั้น มีหมดเลย 🍙 🍙 🍙 น่ารัก เราชอบ (*´▽`*)

เห็นกระดาษนั่นใช่ไหมคะ ในอีเวนต์นี้แบ่งโซนบูธเป็น は(ฮา) な(นะ) よ(โยะ) แหละค่ะ และเนื่องจากงานจัดอยู่ 2 ชั้น บูธฮานาจะอยู่ตรงชั้น 4 ส่วนโยะจะขึ้นไปชั้น 9 ทำให้เราแบ่งร่างไปซื้อของที่อยากได้บางชิ้นไม่ทัน (´ロ´;)!!) การมางานโดจินคนเดียวมันช่างเสียเปรียบ! ฮิโด้ย˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚

แพที่เราสังกัดไม่ค่อยใหญ่โตเท่าไหร่จึงได้มาไม่เยอะมากค่ะ ซึ่งดีแล้ว ส่วนเข็มกลัดนั่นเราเป็น #ทีมปีหนึ่ง (…)

จบอีเวนต์ที่ไม่ค่อยมีอะไรมาก (มีแต่ความติ่ง) แล้วเราก็กลับไปอากิฮาบะต่อ… คราวนี้เจอคนแบกตุ๊กตา 40 เซนติเมตรคาโยะจินเดินไปเดินมาหลายคนเลยค่ะ! (´ロ´;)!!) แถมมารอบนี้ถนนตรงข้างๆ ปิดการจราจรเป็นถนนคนเดินไปแล้วด้วย…

มองเผินๆ อาจเป็นแค่ถนนธรรมดา!

จริงๆ มันก็เป็นถนนธรรมดาแหละค่ะ (…) แต่ด้วยฟิลเตอร์ติ่งจะเห็นว่ามันคือถนนเดียวกับที่สาวๆ วง μ’s ถ่าย PV Dancing stars on me! กันในอนิเมตอนที่หกของซีซันสองค่ะ (m゜∀ ゜m)

…โอ้ เราป่วยไอดอลมาถึงจุดนี้ได้ยังไง!! (…) (´ロ´;)!!)

เดินเล่นแถวอากิฮาบะสักพัก มีแวะไปศาลเจ้าคันดะอีกรอบ เราไปมาแล้ว เราจำทางได้ โกโก (*´▽`*)

หลังจากเตร็ดเตร่จนเหน็ดเหนื่อยเราก็หาอะไรกินแล้วเดินทางกลับที่พักค่ะ ใช้คอมพิวเตอร์ของที่พักเช็กอะไรอีกนิดหน่อยสำหรับฟรีไทม์แบบไม่ต้องเสียเงินซื้อสินค้าติ่งมากมายในวันพรุ่งนี้ (18 มกราคม) ซึ่งเป็นวันสุดท้ายก่อนกลับไปเผชิญหน้ากับความจริง (19 มกราคม) และตอนที่กำลังเช็กทวิตเตอร์ก่อนเข้านอนอยู่นั่นเอง…  พยากรณ์อากาศของโตเกียวก็มีตุ๊กตาหิมะเต็มไปหมดเลยค่ะ!! (´ロ´;)!!)(´ロ´;)!!)(´ロ´;)!!)

ข๊าวขาว ข๊าวขาว (…)

โอ้มาย (´ロ´;)!!)(´ロ´;)!!)(´ロ´;)!!)

แล้วก็เป็นเรื่องค่ะ เช้าวันรุ่งขึ้นตื่นมาก็ขาวโพลนไปหมด (´ロ´;)!!)

ไม่พอค่ะ ฝนตกด้วยค่ะ! ฝนตก!? (´ロ´;)!!) แผนล่มกันเลยทีเดียวเพราะหนาวโคตร ตารางเดิมมีแต่เตร็ดเตร่แบบเอาท์ดอร์ ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚ เลยต้องอ่านไลท์โนเวลที่พกติดมือไปรอฝนซาในระดับหนึ่ง กลับมาพี่ในแผนกบอกว่าคุ้มมากเลยนะ เจอทั้งฝนทั้งหิมะ…

อนึ่ง ถ้าไม่ได้อ่านแบบเก็บรายละเอียดมาก เราเป็นคนอ่านหนังสือเร็วค่ะ ไลท์โนเวลประมาณ 250-300 หน้าเราใช้เวลาอ่านแค่ 3 ชั่วโมง เพราะงั้นไม่ได้ติดฝนนานขนาดนั้นล่ะ แต่เสียเวลาเกือบครึ่งวันเช้าไปเลย

ความขาวนี้…

แต่เอาวะ ไหนๆ ก็สโนว์แล้ว! พอสภาพอากาศโอเคขึ้นเราก็ออกไปดูที่ถ่ายพีวี Snow Halation ตรงสถานีโตเกียวกันดีกว่าค่ะ (ข้อมูลจากป๋าบอกว่าจะอยู่ตรงทางออก 1a กับ 1b มันจะขนาบลานที่ว่าอยู่พอดี) (*´▽`*)

หลบอยู่ตรงราเม็งสตรีท (…) ใต้สถานีโตเกียวแล้วค่อยขึ้นมาดูตอนฝนหยุดค่ะ…

อืม ค่ะ มาต่างประเทศเองครั้งแรก เจอหิมะเลย (ก่อนหน้านั้นไปกับอาจารย์เป็นค่ายที่จีนสมัยมัธยมโน่น – และมือถือพังเหมือนกันค่ะ (…) (*´▽`*) หิมะแรกที่เห็นในชีวิตคือหิมะดำๆ ที่โดนย่ำเหยียบหลังฝนตก!? (´ロ´;)!!) ความโรแมนติคระเหยไปกับหิมะหมดแล้วเหรอคะ!?

หิมะสีขาวสวยงามต้องไปจิ้มเล่นบนพุ่มไม้ไม่ก็หลบมุมอยู่บนพื้น!? (´ロ´;)!!)

จ๊ะเอ๋ (…)

มาคิดๆ ดูแล้วเด็กสาวมัธยมปลายที่เดินเท้าจากโรงเรียนแถวๆ ย่านอากิฮาบาระ ไม่ก็โอฉะโนะมิสุ (ตามการคาดการณ์ของติ่ง) มาสถานีโตเกียวนี่มีความถึกใช้ได้เลยล่ะค่ะ… หรือจริงๆ มันโอ้โหแฟนตาซีตั้งแต่สคูลไอดอลหยุดฝนได้กันแล้วนะ (´ロ´;)!!)

นอกเหนือจากเรื่องความติ่งในวันที่โตเกียวกลายเป็นสีขาว เรามีอีกสิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกทึ่งมากๆ ด้วยนะคะ… (´ロ´;)!!) แม้ในวันที่ฝนพรำและหิมะตก อากาศหนาวเหน็บขนาดเราที่ใส่เสื้อผ้าหนาเป็นแพนกวิ้นยังโอดครวญ นักเรียนหญิงญี่ปุ่นก็ยังใส่กระโปรงสั้นครึ่งน่อง ขะ แข็งแกร่งมาก! (m゜∀ ゜m)


สะพานนิจูบาชิ ที่พระเอกเรื่องเกทให้ชาวเมืองเข้าไปบุกตอนโดนบุกล่ะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก มันคือรูปสุดท้ายที่ได้ถ่ายไว้ก่อนมือถือจะจากเราไปล่ะ (…)

โดยรวมก็ประมาณนี้แหละค่ะ สถานที่ท่องเที่ยวก็ทั่วๆ ไป เช่นพวกวัดอาซากุสะ พระราชวังอิมพีเรียล วัดคิโยมิสุ สวนอุเอโนะ โตเกียวคาแรคเตอร์สตรีทและอื่นๆ ตามประสาคนที่คิดอะไรไม่ค่อยออกและยังไม่ได้ปีกกล้าขาแข็งไปไกลกว่านั้น (m゜∀ ゜m)

ความติดขัดเบาๆ ในทริปนี้

  • มือถือพัง (´ロ´;)!!)(´ロ´;)!!)
  • หิมะตก ฝนตก ตารางรวนวันนึง
  • สองข้อแรกก็รู้สึกเซอไวเวิลแล้วค่ะ (…) (*´▽`*)
  • ไปตามรอยเลิฟไลฟ์ได้ไม่ครบค่ะ ไปได้แค่ที่ที่มีจุดสังเกตค่อนข้างชัดเจน เพราะสถานที่และเส้นทางการเดินทางอย่างละเอียดอยู่ในแมปที่ป๋าให้มา… แต่เราได้ประสบการณ์เดินวนไปค่ะเพื่อตามหาร้านโฮมูระตรงหัวมุมถนนมาแทน (…)
  • ติ่งได้ไม่เต็มที่เพราะจะกิน กินได้ไม่เต็มที่เพราะจะติ่ง แย่จัง
  • ตอนแรกคิดว่าตัวเองกินไม่เยอะค่ะ พอเผารูปที่กินๆ มาให้ผองพี่ๆ ดูก็โดนบอกว่านี่มันทัวร์กิน (…)
  • เนื่องจากใช้เงินสำรองส่วนหนึ่งมาซื้อกล้องมือสอง บวกกับเผื่อเงินไว้ใช้แจ้งข่าวในอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ที่สนามบิน และเรื่องของเงินซื้อมือถือใหม่หลังจากกลับมา ทำให้แทบไม่ได้ซื้อของฝากให้ใครเลย ขอโทษนะคะ ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚

สำหรับคนที่คิดว่า “ว้าว งั้นคราวหน้าไปโตเกียวโดยไม่ต้องมีโซเชียลก็ได้น่ะสิ!” ถ้าคุณเตรียมตัวดีในระดับหนึ่ง เตรียมเอกสารเผื่อฉุกเฉินไว้แล้ว หาข้อมูลไว้เยอะพอสมควรและอยากสัมผัสประสบการณ์ไร้อินเทอร์เน็ตในต่างแดนก็พอไหวค่ะ จากการสัมผัสไม่กี่วันเราว่าเส้นทางคมนาคมเขาดูไปทั่วถึงดี แต่ถ้าคุณไม่ใช่สายนั้น… และยังต้องการโซเชียลอยู่ (?) เราคิดว่าอย่าทำให้ตัวเองลำบากเลยค่ะ มีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ติดตัวในต่างแดนมันก็อำนวยความสะดวกได้มากกว่าแถมอุ่นใจกว่าด้วยนั่นแล (*´▽`*)

พอกลับไทยมาก็มาชดใช้กรรมกับงานหนังสือค่ะ… (´ロ´;)!!) ˚‧º·(˚ ˃̣̣̥⌓˂̣̣̥ )‧º·˚

ก่อนจบเอนทรี่ สิ่งหนึ่งที่ค่อนข้างตราตรึงใจในหลายๆ แง่ จากตู้กดน้ำอัตโนมัติที่มีเยอะมาก (ตู้ขายอย่างอื่นก็มีเยอะ สนใจไอติมแต่ไม่กล้ากดกิน หนาว (…)) มีให้กดทั้ง แบบร้อน (あったかい) และ แบบเย็น (つめたい) ปุ่มแบ่งสีด้วย บางตู้ก็เป็นภาษาอังกฤษ ถ้าอ่านไม่ออกจริงๆ ก็ไม่ต้องกังวล! (มั้ง…) หน้าตาแบบนี้

ในช่วงที่ไปอากาศค่อนข้างเย็นเราชอบกดเครื่องดื่มร้อนมาลองกินค่ะ เผลอซื้อมาลองเยอะแยะเลย ดูมีเครื่องดื่มน่าสนใจ (และอร่อย เราชอบ (*´▽`*) มากมาย มานับๆ ดูก็เสียไปพอๆ กับค่าอาหารเลยล่ะค่ะ… (´ロ´;)!!

ฮะ ฮตโตะ…

ホットオランゲ ฮตโตะ โอเรนจิ…

ฮอต ออเรนจ์…

น้ำส้มแบบร้อน บ้าจริง!! อีปิคสุดจนต้องนำเสนอค่ะ เกริ่นมาสองย่อหน้าเราอยากให้ดูอันนี้แหละ (…) กินแล้วรู้สึกว่า “เอ่อ… เอ่อ…” ขึ้นมา (´ロ´;)!!) จริงๆ มีฮอตเลมอนเนดด้วย แต่เราลืมถ่ายรูป รสชาติคล้ายๆ กันจนนึกว่าเป็นอันเดียวกัน มาดูรูปที่ถ่ายไว้อีกทีถึงได้รู้ว่ามันไม่เหมือนกัน (m゜∀ ゜m)

จบจริงๆ แล้วก็รีพอร์ทที่ดองมาแสนยาวนาน ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจบนะคะ! (*´▽`*)

คอมเมนต์กัน!