มาทำความรู้จักกับนักพากย์หน้าใหม่ Kusunoki Tomori กัน

สวัสดีค่ะ ⊂(＾ω＾)⊃

วันนี้เรามีนักพากย์อายุน้อยมากแต่ความสามารถที่เพิ่งลงหลุมเพิ่มเบา ๆ น่าสนใจในตอนนี้อยากมาแนะนำให้ทุกคนรู้จักกันค่ะ นั่นก็คือ คุสุโนกิ โทโมริ หรือ โทโมริรุ นั่นเองค่ะ บางคนอาจจะได้ยินชื่อน้องมาจาก Love Live! Perfect Dream Project ในบทของ ยูกิ เซ็ตซึนะ และ Sword Art Online Alternative Gun Gale Online หรือ GGO ในบท LLENN กันมาบ้างแล้ว วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของน้องโทโมริรุที่รวบรวมมาจากคำตอบของน้องที่เราอ่านมาจากบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนที่อาจจะรู้สึกสนใจได้รู้จักโทโมริรุกันมากขึ้นค่ะ

เผื่อใครยังไม่รู้จักน้องเลย เรามาเริ่มต้นด้วยเรื่องราวเบื้องต้นของโทโมริรุกันค่ะ

กลับขึ้นไปข้างบน

---

เรื่องราวคร่าว ๆ ก็ประมาณเท่านี้ค่ะ ต่อไปเป็นสิ่งที่เราได้สรุปมาจากคำพูดในรายการและบทสัมภาษณ์ต่าง ๆ ที่มักจะถามคำถามใกล้เคียงกันนะคะ

โทโมริรุกับดนตรี

โทโมริรุเติบโตขึ้นมาแบบมีความเกี่ยวข้องกับดนตรีมาตลอด โดยเธอได้เริ่มเรียนเปียโนตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ตอนเรียนชั้นประถมก็อยู่ชมรมเกี่ยวกับเครื่องดนตรี ช่วงมัธยมต้นก็ยังเข้าร่วมชมรมเครื่องเป่า เมื่อเลื่อนชั้นขึ้นมัธยมปลายแล้วก็ยังเข้าร่วมชมรมดนตรี โดยอยู่วงที่เล่นคัฟเวอร์เพลงอนิเมะหรือเพลงโวคัลลอยด์ โทโมริรุอยู่ในตำแหน่งนักร้องนำของวง ในช่วงนี้โทโมริรุได้รู้ว่าการร้องเพลงต่อหน้าคนอื่นนั้นเป็นเรื่องที่สนุก โทโมริรุยังหัดเล่นกีตาร์ (จากปากเจ้าตัวคือยังอยู่ในระดับคนกำลังฝึกเล่น) และได้รับคำแนะนำให้ลองแต่งเพลงจากผู้ฝึกสอนด้านเสียง จึงได้ลองเริ่มแต่งเพลงโดยเริ่มจากการเขียนเนื้อร้องก่อนค่อยใส่ทำนองลงไป จนการเล่นกีตาร์และการแต่งเพลงกลายมาเป็นอีกหนึ่งงานอดิเรก ในตอนนี้เท่าที่โทโมริรุเคยพูดถึงไว้มีเพลงที่ตัวเองแต่งไว้อยู่ 3 เพลง ก็คือ

• 「眺めの空」(Nagame no Sora)
• 「スケッチブック」(Sketchbook)
• 「クローバー」(Clover) ^[11]

ซึ่งเคยได้ร้องและให้คนอื่นร้องในไลฟ์อีเวนท์ที่โทโมริรุเคยไปร้องเพลง เจ้าตัวเองก็หวังว่าทุกคนจะได้ฟังทั้งสามเพลงในสักวันหนึ่งเหมือนกันค่ะ นอกจากนี้โทโมริรุได้เคยแต่งจิงเกิ้ลสั้น ๆ แบบสด ๆ ด้วยกีตาร์ที่พกมาเอง ในรายการโทโมริรุแคนเดิล (ตอนที่ 2) เพื่อนำมาใช้ในรายการเองด้วยค่ะ

 

https://twitter.com/tomori_kusunoki/status/872461484139225088

โทโมริรุกับการวาดรูป

โทโมริรุชอบวาดภาพและการดีไซน์มาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะได้รับอิทธิพลมาจากคุณแม่ที่มีฝีมือทางการวาดรูป กลับกลายเป็นว่าตอนนั้นไม่ได้มีความฝันในการเป็นดีไซน์เนอร์แต่เป็นอยากเปิดร้านขนมปัง เพราะโทโมริรุชอบการกินถ้าหากได้ทำขนมปังตามแบบไอเดียของตัวเองก็คงจะสนุกดี แต่สุดท้ายก็ล้มเลิกความฝันไปด้วยเหตุผลที่ว่าเปิดร้านขนมปังต้องตื่นเช้านะ จากนั้นก็เริ่มมีความฝันในการเป็นดีไซน์เนอร์ก่อนที่อยากจะเป็นนักพากย์และพูดไว้ว่าถ้าหากไม่ได้เป็นนักพากย์ก็อาจจะไปทำงานด้านดีไซน์ก็ได้ ซึ่งตามในประวัติคร่าว ๆ ที่ได้เขียนไว้ว่าโทโมริรุชอบวาดรูปแบบเซนแทงเกิล ซึ่งเจ้าตัวก็เคยได้อัพรูปภาพสไตล์นี้เอาไว้ในทวิตเตอร์ของตัวเองอยู่บ้างอย่างเช่น

ซึ่งได้อัพคลิปวีดีโอตอนวาดรูปแรก (บนกำแพงบ้าน) เอาไว้ด้วยค่ะ

https://twitter.com/tomori_kusunoki/status/879642364955971584

หลัง ๆ ก็เริ่มวาดภาพสไตล์แบบอนิเมบ้างแล้ว

https://twitter.com/tomori_kusunoki/status/947609602463473666

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ชอบวาดรูปแต่ทำงานศิลปะแบบอื่นด้วย อย่างตอนไปออกรายการ ANIGE☆ELEVEN! ตอนที่ 138 ได้เอาผลงานการปั้น Clay Sweets ^[12] ของตัวเองไปโชว์ด้วยค่ะ ทำออกมาได้ดูดีเลยทีเดียว ส่วนเหตุผลในการปั้น Clay Sweets นั้นเป็นเพราะว่าอยากลองทำอาหารเป็นรูปร่างหน้าตาต่าง ๆ แต่ถ้าทำอาหารจริง ๆ มันมีขั้นตอนหลายอย่างที่วุ่นวายเลยคิดว่าถ้าเป็นดินญี่ปุ่นคงจะทำได้อย่างสบายใจกว่าค่ะ ยังบอกอีกด้วยว่าชอบทำอะไรที่มันมีรายละเอียด (แบบภาพเซนแทงเกิลที่วาด)

พอลองหา ๆ ไปเหมือนจะพอทำขนมจริง ๆ ได้ด้วยแหละค่ะจากทวีต นี้ และ นี้

ทำไมถึงอยากมาเป็นนักพากย์

ในช่วงมัธยมต้นโทโมริรุได้เจอกับเรื่องการถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียน ในตอนที่อยากหลีกหนีจากสิ่งรอบข้างบวกด้วยมีเพื่อนชื่นชอบในการดูอนิเมอยู่แล้ว โทโมริรุจึงเริ่มสนใจในดูอนิเมและได้รับกำลังใจมากจากอนิเมและอนิซอง จนได้ดูเรื่อง Kobato ที่นำมาฉายย้อนหลังอีกครั้งหนึ่ง แล้วเกิดตกหลุมรักเสียงของ Hanato Kobato (CV : ฮานาซาวะ คานะ) เป็นอย่างมาก โทโมริรุจึงได้มีความฝันใหม่ร่วมกับเพื่อนที่อยากเป็นนักพากย์เช่นกัน ส่วนหนึ่งคือรู้สึกชื่นชอบและอยากจะเป็นเหมือนฮานาซาวะ คานะ และอีกส่วนคืออยากจะเป็นกำลังใจให้คนอื่นแบบที่ตัวเองได้รับมา ทำให้การเป็นนักพากย์นั้นกลายมาเป็นความฝันหนึ่งของโทโมริรุที่อยากจะทำให้เป็นจริง

ปฏิกิริยาของครอบครัว

ในช่วงที่โทโมริรุจะออดิชั่นมาเป็นนักพากย์นั้นอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของวัยเรียนพอดี ก็คือช่วงที่จะจบมัธยมปลายและเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยนั่นเอง คุณแม่ของโทโมริรุจึงไม่ได้สนับสนุนเรื่องนี้สักเท่าไรนัก เพียงแค่คิดว่าเดี๋ยวก็คงเลิกไปเอง เจ้าตัวเองก็คิดว่าแบบนี้คงจะไม่ได้ละมั้ง โทโมริรุเองก็คิดไว้ว่าจะล้มเลิกความฝันแล้วไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยถ้าหากไม่ผ่านการออดิชั่นใน Anistoteles แต่สุดท้ายเมื่อผ่านการออดิชั่นทางครอบตรัวก็กลับมาสนับสนุนโทโมริรุอย่างเต็มที่แทน ถึงแม้โทโมริรุจะผ่านการออดิชั่นแต่เจ้าตัวก็ยังมีความคิดเรื่องจะไปเรียนมหาวิทยาลัยศิลปะอยู่ตามที่คุณพ่อคุณแม่แนะนำไว้ และค่อย ๆ เก็บประสบการณ์ด้านการงานไปพร้อม ๆ กับการเรียนมหาวิทยาลัยไปด้วย แต่ตอนเรียนมัธยมปลายปีสุดท้ายโทโมริรุเรียนจบมาได้แบบมีจำนวนวันเข้าเรียนที่ฉิวเฉียด และในจังหวะนั้นได้รับบทนำในเรื่อง Maerchen Maedchen พอดี เลยคิดว่าตัวเองยังไม่สามารถทำทั้งสองย่างพร้อม ๆ กันได้ จะรอให้เรื่องานของตัวเองมีจังหวะที่มั่นคงในระดับหนึ่งแล้วค่อยกลับไปสอบเพื่อเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยอีกครั้ง

มาเป็นนักพากย์ได้อย่างไร

โทโมริรุไม่ได้เข้าเรียนโรงเรียนฝึกสอนทางด้านการพากย์และการแสดงโดยตรงเนื่องจากไม่รู้ว่าจะคุยกับพ่อแม่อย่างไรดี เธอจึงใช้วิธีการศึกษาด้วยตัวเองจากอนิเมต่าง ๆ และวิธีออกเสียงจากทางอินเทอร์เน็ต บางครั้งก็จะฝึกพูดประโยคต่าง ๆ กับเพื่อนที่อยากเป็นนักพากย์เหมือนกัน จากนั้นเพื่อทำความฝันให้เป็นจริง ตอนอายุ 14 ปี โทโมริรุได้สมัครร่วมการแข่งขันเพื่อตามหานักพากย์หน้าใหม่ซึ่งผู้ชนะจะได้พากย์เสียงโฆษณา และด้วยความที่ขาดประสบการณ์เป็นอย่างมากโทโมริรุจึงตกรอบตั้งแต่แรก ๆ ทำให้เธอเริ่มคิดว่านักพากย์เป็นความฝันที่ห่างไกลออกไป จนในปี 2016 พี่สาวของโทโมริรุที่อายุห่างกัน 5 ปีได้รู้ถึงข่าวการออดิชั่น Anistoteles ครั้งที่ 5 ที่จัดโดย SMA จากตอนไปเที่ยวร้านคาราโอเกะจึงได้นำเรื่องนี้มาบอกน้องสาว แต่ด้วยความที่คิดว่ายากเกินไปถ้าหากจะเข้าร่วมออดิชั่นในกลุ่มคนที่อยากจะเป็นนักพากย์ และคิดว่าขอแค่ได้ทำงานเกี่ยวกับอนิเมแถมตัวเองก็เป็นนักร้องนำวงดนตรีที่คัฟเวอร์เพลงอนิเมตั้งแต่เข้าม.ปลายและมีความชอบในดนตรีอยู่แล้ว จึงคิดว่าเป็นนักร้องเพลงอนิเมก็ดีเหมือนกัน (พ่วงด้วย SMA นั้นเป็นค่ายที่มีคุณ LiSA ศิลปินเพลงอนิเมที่ชื่นชอบอยู่ในสังกัดด้วย) โทโมริรุจึงได้เข้าร่วมในกลุ่มคนที่อยากจะเป็นนักร้องแทน สุดท้ายโทโมริรุไม่ได้รางวัลชนะเลิศจากการประกวดในครั้งนี้ แต่ได้รางวัลพิเศษจนสุดท้ายได้เข้าร่วมสังกัด SMA และความฝันในการเป็นนักพากย์ของโทโมริรุก็ได้เริ่มเมื่อต้นสังกัดได้ถามเธอว่า 「อยากจะลองทำงานด้านการพากย์เสียงด้วยไหม?」

โทโมริรุจึงได้เดบิวต์ในฐานะนักพากย์จากเรื่อง Eromanga Sensei ตอนอายุ 17 ปี แม้จะเป็นตัวประกอบที่มีบทพูดเพียงแค่ประโยคเดียวแต่เจ้าตัวเคยบอกว่า เมื่อเห็นชื่อตัวเองในเครดิตตอนจบแล้วก็ดีใจจนร้องไห้แล้วถ่ายรูปเก็บไว้เยอะเลยค่ะ และยังได้รับบทเป็น Kirara ตัวเอกในเกม Kirara Fantasia ที่รวมเหล่าตัวละครจาก Manga Time Kirara มาเป็นตัวละครในเกม ถือว่าเป็นก้าวสำคัญที่ทำให้โทโมริรุได้ทำหลาย ๆ อย่างทั้งอีเวนท์ รายการวิทยุ และรายการสดต่าง ๆ ของเกมค่ะ ต่อมาโทโมริรุได้รับบทเป็น Kagimura Hazuki ซึ่งเป็นตัวเอกในเรื่อง Maerchen Maedchen จากนั้นได้รับความสนใจมากขึ้นเมื่อได้เป็นนักพากย์ของ Yuki Setsuna จาก Love Live! PERFECT Dream Project ซึ่งเลิฟไลฟ์ก็จัดเป็นหนึ่งในซีรีส์ดังที่มักปลุกปั้นนักพากย์หน้าใหม่มาหลายคน และยิ่งได้รับความสนใจมากขึ้นไปอีกเมื่อได้รับบทเป็น LLENN และ Kohiruimaki Karen ตัวเอกในเรื่องราว Spin-off ของซีรีส์ดัง Sword Art Online ที่ชื่อว่า Sword Art Online Alternative Gun Gale Online หรือ GGO ตั้งแต่ยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายนั่นเองค่ะ ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าลำบากมากที่ต้องรับบทเป็นตัวละครสองตัว แต่ก็ได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างจากการรับบทนี้รวมถึงพยายามเรียนรู้ด้วยการสังเกตและได้รับคำแนะนำจากรุ่นพี่หลาย ๆ คนด้วย โทโมริรุบอกว่าในตอนแรกก็ตื่นเต้นและหวั่น ๆ ที่จะต้องเจอกับรุ่นพี่แต่ทุกคนใจดีมาก ๆ ทำให้บรรยากาศการทำงานของ GGO อบอุ่นเหมือนครอบครัวเลยค่ะ แถมการได้รับโอกาสให้ร้องเพลง To see the future ^[13] ที่เป็นเพลง ED ของ GGO นั้นยังทำให้โทโมริรุได้รับโอกาสในการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตใหญ่ประจำปีของเพลงอนิเมอย่าง Animelo Summer Live หรือ อนิซามะในปี 2018 ด้วยค่ะ สำหรับนักพากย์อายุ 18 ปีที่เพิ่งเดบิวต์มาได้ 1 ปีนิด ๆ นับว่าเป็นโอกาสครั้งใหญ่ที่ได้รับมาเลยค่ะ

「อยากอยู่ข้าง ๆ และเติมแสงไฟที่อบอุ่นอ่อนโยนในหัวใจของทุกคน」

เป้าหมายในการทำงานของโทโมริรุที่บอกว่าอยากเป็นแสงไฟนั้นไม่ได้หมายความว่าอยากเป็นแสงสว่างที่เจิดจ้าให้กับทุกคนนะคะ คือตัวโทโมริรุเองบอกว่าในช่วงตัวเองโดนกลั่นแกล้งตอนมัธยมต้น สิ่งที่เป็นเหมือนแสงไฟในใจของตัวเองก็คืออนิเมและอนิซอง ถ้าผลงานที่ตัวเองทำไม่ว่าจะการพากย์เสียง เสียงเพลง หรือการวาดภาพก็ตาม สามารถเป็นกำลังใจให้คนที่กำลังเป็นทุกข์เหมือนตัวเองหรือประสบเรื่องราวที่ยากลำบากให้รู้สึกเดินก้าวต่อไปข้างหน้าได้บ้างก็คงดี แต่ไม่ใช่คนประเภทที่ชอบจะเป็นแสงสว่างให้คนอื่นแบบไปยืนอยู่ข้างหน้าแล้วคอยฉุดดึงให้คนอื่นเดินตามมา แต่ว่าอยากจะเป็นแสงไฟที่อ่อนโยนเหมือนแสงเทียนหรือโคมไฟที่ส่องสว่างอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบ ๆ มากกว่า จึงเป็นที่มาของชื่อรายการวิทยุ Tomoriru Candle ด้วยค่ะ

ความรู้สึกตอนเดบิวต์ครบรอบ 1 ปี

โทโมริรุเคยได้เขียนเกี่ยวกับความรู้สึกของการเดบิวต์ครบรอบ 1 ปีของตัวเองเอาไว้ด้วยซึ่งเนื้อหาสามารถสรุปได้ว่า โทโมริรุเองมีความกังวลและหดหู่หลายอย่างในช่วงหนึ่งปีแรกของการทำงาน ทั้งจากสิ่งที่ตัวเองรักต้องกลายเป็นงาน การต้องเจอกับรสนิยมของคนจำนวนมากที่ต่างกัน การที่ต้องทำตัวให้เข้มแข็งขึ้น สุดท้ายก็ขอบคุณแฟน ๆ ที่คอยอยู่ข้าง ๆ และก้าวเดินมาด้วยกันค่ะ ยกส่วนที่ขอบคุณแฟน ๆ มาบางส่วนนะคะ

แต่อย่างไรก็ตามมันเป็นช่วงเวลา 1 ปีที่ทำให้มีรอยยิ้มได้ ได้พบใครสักคนคนที่คอยมาพบเจอและรับฟังเรื่องราวต่าง ๆ คอยเฝ้ามองและยอมรับทั้งด้านที่ดีหรือด้านที่ไม่ดี ดีใจราวกับเป็นเรื่องของตัวเองเมื่อเติบโตขึ้น คนที่แสนอบอุ่นและพร้อมจะยอมเดินไปเคียงข้างกัน ฉันรู้สึกว่ามีคนที่ส่งกลับคำอธิษฐานของฉันที่บอกว่า「อยากจะอยู่ข้าง ๆ และเติมแสงไฟในหัวใจ」ด้วยความรู้สึกแบบเดียวกัน ฉันรู้สึกขอบคุณจริง ๆ ค่ะ ที่ฉันเคยพูดคำว่า「เติมแสงไฟให้」เอาไว้ในบทสัมภาษณ์ พอรู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นคำว่า「เติมแสงไฟให้กันและกัน」ไปแล้ว ขอบคุณสำหรับทุก ๆ อย่างในช่วงเวลาที่ผ่านมานะคะ จากนี้ต่อไปก็ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยค่ะ

– Kusunoki Tomori (TOMOROOM 18/06/2018)

เรื่องราวแนะนำตัวเกี่ยวกับคุสุโนกิ โทโมรินักพากย์ตัวน้อยมากความสามารถก็คงจบที่ตรงนี้ค่ะ จริง ๆ แล้วในการเขียน การตอบคำถามและการเขียนของโทโมริรุนั้นหลายครั้งดูเป็นแนวคิดตามแบบของคนสายศิลป์มากเลยนะคะ (บางทีก็เข้าใจยาก) แถมยังมีอีกหลายมุมมองของโทโมริรุที่ไม่ได้ถูกเขียนไว้ในนี้ และอาจจะมีอีกหลายมุมมองและความสามารถที่ยังไม่ได้แสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น ยังไงก็ฝากทุกคนให้โอกาสโทโมริรุในการเข้ามาเติมแสงไฟในใจของทุกคนด้วยนะคะ

แถม Playlist ใน Youtube ของเราที่รวมคลิปหลายอย่างของโทโมริรุไว้ค่ะ ใครสนใจลองดูได้นะคะ

---

เพิ่มเติม
[2] การวาดภาพแบบเซนแทงเกิลเป็นการวาดภาพที่เอาไว้ช่วยฝึกสมาธิจึงไม่จำเป็นต้องมีความสามารถในการวาดรูปก็ได้ เพียงแค่วาดรูปร่างต่าง ๆ ต่อกันไปเรื่อย ๆ
[10] TOMOROOM เป็นบริการ SMA Voice เริ่มต้นเมื่อ 15/04/2018 โดยเจ้าตัวบอกว่าอยากให้เป็นเหมือนห้องใต้หลังคาที่มีบรรยากาศอบอุ่นให้ทุกคนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจเตรียมตัวรอเพื่อให้หัวใจมีแสงไฟเกิดขึ้นมาค่ะ สำหรับบริการ SMA Voice นั้นเป็นเนื้อหาแบบเสียเงินรายเดือนของศิลปินในสังกัด SMA ค่าบริการเดือนละ 300 เยนค่ะ ถ้าจ่ายแล้วไม่ได้จำกัดอยู่เฉพาะเนื้อหาของโทโมริรุนะคะ แต่สามารถดูได้ของทุกศิลปินที่มี SMA Voice เลยค่ะ
[11] ในรายการ ANIGE☆ELEVEN! ตอนที่ 138 ที่โทโมริรุไปเป็นแขกรับเชิญมีวีดีโอการแสดงสดเพลง Clover ให้ดูสั้น ๆ ค่ะ เป็นเพลงที่โทโมริรุแต่งขึ้นมาจากเรื่องราวการโดนแกล้งของตัวเองในสมัยมัธยมต้น เพื่อให้กำลังใจคนที่เจอเรื่องเดียวกันให้เปลี่ยนความเจ็บปวดที่ต้องเจอมาเป็นความทรงจำที่ดีแล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้าให้ได้ค่ะ ใครสนใจลองไปหาดูกันได้นะคะ
[12] การปั้นดินญี่ปุ่นเลียนแบบขนมหวาน ส่วนมากมักจะทำเป็นขนาดเล็กกว่าของจริงค่ะ