ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่บทความแปลเพลงและวิเคราะห์เพลงของเราค่ะ ตอนแรกจะใช้คำว่ากลับมาอีกครั้งแต่คิดอีกทีก็ไม่เคยเขียนของฝั่งเลิฟไลฟ์เป็นบทความจริงจังเลย เพราะงั้นก็สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่รู้จักกันอยู่แล้วหรือเพิ่งเคยเจอกันครั้งแรก ถึงจะยังไม่เข้าส่วนเนื้อหาแต่ก็หวังว่าท่านจะได้อ่านบทความนี้ด้วยความเพลิดเพลินนะคะ
เพลง Do! Do! Do! (ド!ド!ド! อ่านว่าโดะโดะโดะ ไม่ใช่ดูดูดูแม้แต่อย่างใด) เป็นเพลงของยูนิต Mira-Cra Park! (みらくらぱーく อ่านว่ามิระคุระปาร์ก) ในมินิอัลบั้มเดบิวต์ของเด็กๆ ชมรมสคูลไอดอลโรงเรียนสตรีฮาสึโนะโซระ (Love Live! Hasu no Sora Jogakuin School Idol Club) ปัจจุบันทำกิจกรรมอยู่ในแอปพลิเคชัน Link! Like! Love Live! เป็นหลักซึ่งเป็นรุ่นที่ทำกิจกรรมแบบเน้นยูนิต (แต่ก็มีเพลงรวมที่ร้องด้วยกันเหมือนกัน) และดำเนินเนื้อเรื่องตามเวลาโลกจริง เพราะงั้นในบทความจะมีระบุบางจุดว่าเหตุการณ์ไหนเกิดเดือนอะไรเพื่อให้รู้ว่าอะไรเกิดก่อนหลังค่ะ
บทความนี้จะแบ่งเป็น 4 ส่วนหลักๆ คือส่วนข้อมูลตัวละคร, แปลเพลงเฉยๆ, บทวิเคราะห์เพลง และบทสรุป+ไทอิน (?) ที่สามารถเลือกอ่านได้ตามสะดวก และเนื่องจากเป็นบทความวิเคราะห์ก็ต้องบอกล่วงหน้าว่าภายในบทความจะเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของเนื้อเรื่องเกม ถ้าใครยังไม่ได้อ่านเนื้อเรื่องบท 9-11 แล้วไม่อยากเจอสปอยล์ก็แนะนำให้เลี่ยงไปก่อนค่ะ
- รูริโนะเป็นเด็กร่าเริง เสียงดัง เคยไปแลกเปลี่ยนที่แคลิฟอร์เนีย 2 ปีก่อนมาเข้าเรียนกลางเทอมที่ฮาสึโนะโซระในเดือนกรกฎาคม 2023
(และถึงไปเรียนเมืองนอกมาแต่ก็ชอบพูด Broken English เป็นประจำ)มีนิสัยชอบเอาใจใส่คนอื่นมากไปจนตัวเองเหนื่อยเอง พอเหนื่อยจนไม่อยากทำอะไรรูริโนะจะอยู่ในโหมด ‘แบตหมด’ ซึ่งต้อง ‘ชาร์จแบต’ ด้วยการอยู่อย่างสบายใจคนเดียว มาเป็นสคูลไอดอลเพราะเมกุมิเคยชวนตั้งแต่ตอนเมกุมิอยู่ ม.4 ส่วนตัวเองอยู่แคลิฟอร์เนีย แต่พอกลับมาญี่ปุ่นก็พบว่าเมกุมิหายไปจากชมรมซะแล้ว
. - เมกุมิเป็นเด็กเอนเตอร์เทนคนเก่ง เคยเป็นดาราเด็กแต่ต้องหยุดทำกิจกรรมเพราะที่บ้านอยากให้ตั้งใจเรียนหนังสือมากกว่านี้เลยโดนจับมาอยู่ฮาสึโนะโซระที่เป็นโรงเรียนประจำ เคยอยู่ในชมรมสคูลไอดอลตอน ม.4 แต่พักชมรมไปเพราะมีอาการขยับขาไม่ออกเมื่อขึ้นเวที ซึ่งเป็น PTSD จากการตกเวทีในงานโรงเรียนเดือนตุลาคม 2022
. - เป็น 2 คนที่มีบทบาทในเนื้อเรื่องเกมช้าที่สุด คือรูริโนะเข้าชมรมเดือนกรกฎาคม (เนื้อเรื่องบท 9) ส่วนเมกุมิกลับมาทำกิจกรรมชมรมอีกครั้งในเดือนสิงหาคม (เนื้อเรื่องบท 10)
. - เป็นยูนิตเพื่อนสมัยเด็กประจำรุ่น ทั้งคู่รู้จักกันตอนประถม แต่รูริโนะต้องย้ายโรงเรียนกับย้ายบ้านตอนประถมกะทันหันลยไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด ถึงอย่างนั้นทั้งคู่ก็ยังติดต่อหากันเป็นประจำจนกระทั่งเมกุมิตกเวทีในงานโรงเรียนถึงเริ่มคุยกันน้อยลง แล้วได้กลับมาคุยกันดีๆ ในเนื้อเรื่องเกมบท 10
. - แนวเพลงยูนิตคือเป็นเพลงที่ทำให้ทุกคนสนุกสนานไปด้วยได้ในแบบที่จะไม่ไปทับไลน์กับ Cerise Bouquet และ DOLLCHESTRA ถ้าอธิบายภาษาชาวบ้านคือจะเป็นเพลงที่มีท่อน Call&Response กับคนดูเยอะที่สุดในบรรดาทุกยูนิตเลยเห็นความสนุกสนานแบบเป็นรูปเป็นร่างง่ายที่สุด
ปัจจุบัน (วันที่โพสต์บทความนี้) Mira-Cra Park! มีเพลงทั้งหมด 6 เพลง คือ
เพลง Do! Do! Do! ในมินิอัลบั้มเดบิวต์ Dream Believers
เพลง Hakuchuu a la mode และ Kokon Touzai ในอัลบั้ม Natsumeki Pain
เพลง Identity, Tensai nano Kamoshirenai และ Nonfiction Hero Show ในซิงเกิล 1 ของ Mira-Cra Park! ที่มีกำหนดวางจำหน่ายวันที่ 29 พฤศจิกายน 2023 ที่กำลังจะถึงนี้
และเนื่องด้วยผู้เขียนโอชิยูนิต Mira-Cra Park! เป็นการส่วนตัว ถ้าใครอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเราทำเธรดแปลข้อมูลต่างๆ ไว้ สามารถแวะเวียนไปอ่านกันได้นะคะ
https://twitter.com/sumimura212_W/status/1645411333498875904
ド!ド!ド!
Mira-Cra Park! – โอซาวะ รูริโนะ (CV. คัง คันนะ) & ฟูจิชิมะ เมกุมิ (CV. สึกิเนะ โคนะ)
流れ星 空へと打ち返す
ตีดาวตกกลับขึ้นท้องฟ้า
(飛ばすぜ!ドゥノットウォーリー)
(ตีขึ้นไปเลย! Do not worry)
「ホームラン!」かぐや姫が叫ぶ
เจ้าหญิงคางุยะตะโกนออกมาว่า “โฮมรัน!” เลยนะ
(9回裏のストーリー)
(เป็นเรื่องราวในอินนิ่งที่ 9 ครึ่งหลังล่ะ)
驚いたUFOが落ちてく
ยูเอฟโอตกใจจนร่วงลงมาเลย
(やりすぎ!?アイアムソーリー)
(ทำเกินไปเหรอ!? I am sorry)
目が覚めてティーチャーが微笑んだ
พอลืมตาขึ้นมาคุณครูก็ยิ้มหวานให้
(絶体絶命!ですっ)
(ไม่รอดชัวร์ป้าบค่ะ!)
充電がフルになるまであと少し夢見たいなぁ
อยากฝันต่ออีกสักนิดจนกว่าจะชาร์จแบตเต็มจัง
(シャットダウンする?)
(จะชัตดาวน์ไหมล่ะ?)
胸の中ウサギとカメがずっと競争している
ในใจมีกระต่ายกับเต่าวิ่งแข่งอยู่ตลอดเลยนะ
ド!ド!ド! ドンと来いだよ
ดาหน้ากันเข้ามาเลย!
ハンデ有りのノンフィクション
เจ้าความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ
いまいまいまこの瞬間が スタート切るチャンスなんだ
วินาทีนี้แหละคือโอกาสในการเริ่มต้นนะ
ドンと来いだよ 気合い入れてこんちくしょう
ดาหน้ากันเข้ามาเลย ใส่แรงให้เต็มที่เลยไอ้กร๊วกนี่
ほらほらほらもうあっちゅうま 大逆転しちゃうもんね
เห็นไหมล่ะ แค่แป๊บเดียวสถานการณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว
飛べ飛べ もうちょいだけ高く
จงโบยบินสูงขึ้นอีกสักนิด
行け行け もうちょいだけ遠く
จงวิ่งไปให้ไกลขึ้นอีกสักนิด
君と私 (本気出せば) 限界なんてちょちょいのちょい
ถ้าเธอกับฉัน (เอาจริงแล้วละก็) ขีดจำกัดมันก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋วน่า
突破じゃい 1000%
ทะลุขีดจำกัด 1000% กันไปเล้ย
お弁当 海の玉手箱や~
ข้าวกล่องคือกล่องของขวัญจากท้องทะเลล่ะ~
(それなら宝石箱や~)
(งั้นก็เป็นกล่องอัญมณีน่ะสิ~)
どんぶらこデザート流れて来い
ของหวานช่วยไหลตามลำธารมาทีสิ
(桃でもケーキでもいいなぁ)
(จะเป็นลูกท้อหรือเค้กก็ได้ทั้งนั้น)
食べすぎて瞼が落ちてく
พอกินมากไปหนังตาก็เริ่มหย่อนแล้วสิ
(相撲で勝負だ睡魔)
(ต้องสู้กับความง่วงด้วยซูโม่แล้วล่ะ)
目が覚めてティーチャーが微笑んだ
พอลืมตาขึ้นมาคุณครูก็ยิ้มหวานให้
(い・の・こ・り・ね)
(อยู่-ต่อ-หลัง-เลิก-เรียน-นะ)
世界中巻き込みながら好きなだけ遊びたいなぁ
อยากเที่ยวเล่นรอบโลกเท่าที่ใจอยากจังเลยน้า
(楽しいが一番!)
(ความสนุกสนานสำคัญที่สุดแล้ว!)
100年後100万年後には昔ばなしに載っけてよ
(มาบันทึกเรื่องนี้เป็นนิทานหลังจากนี้นับร้อย นับล้านปีให้หลังกันเถอะ)
ド!ド!ド! ドン詰まりこそ
การเจอทางตันนี่แหละ
無敵になるモチベーション
คือแรงผลักดันให้เราไร้เทียมทาน
きたきたきたこの感覚が まだ頑張れる合図なんだ
ความรู้สึกนี้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว เป็นสัญญาณว่ายังพยายามได้ต่อไปไง
ドン詰まりこそ 笑顔見せてなんのその
เพราะเจอทางตันนี่แหละถึงต้องยิ้มสู้ให้เห็น
まだまだまだあれこんなもん 大成功しちゃうもんね
ถึงจะยังไม่ได้เรื่องอยู่ แต่อาจจะประสบความสำเร็จสุดๆ ก็ได้นะ
飛べ飛べ もうちょっとで届く
จงโบยบินเข้า อีกนิดหนึ่งก็จะถึงแล้วนะ
行け行け もうちょっとで変わる
จงวิ่งไปซะ อีกนิดหนึ่งก็จะเปลี่ยนไปแล้วนะ
君と私 (一緒だったら) 心配なんてなくなくない?
ถ้าเธอกับฉัน (อยู่ด้วยกันแล้วละก็) ไม่เห็นไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลยนี่?
どっちじゃい!? 気にしません
เป็นอย่างไหนกันแน่เนี่ย!? ฉันไม่สนหรอกนะ
質問!あなたが鬼退治を任されたらどう戦いますか?
มีคำถามค่ะ! ถ้าคุณต้องไปปราบยักษ์ คุณจะสู้ยังไงคะ?
(おぅりゃりゃー!とぉりゃりゃー!)
はい!鬼ヶ島に遊園地と温泉とサウナを作って毒気を抜いて平和的解決を図ります!
ค่ะ! ก็สร้างสวนสนุก บ่อน้ำพุร้อน แล้วก็ซาวน่าบนเกาะยักษ์ให้ยักษ์หมดฤทธิ์แล้วก็จะแก้ปัญหาได้โดยสวัสดิภาพค่า!
でもね たまに赤点取る日もあるよ
แต่บางครั้งก็มีวันที่สอบตกแหละนะ
そう うちら人間なんだもん (なんだもん)
ใช่แล้ว พวกเราเองก็เป็นมนุษย์นี่นา (ใช่ไหมล่ะ)
さあ お団子食べて行きますか
เอาละ กินดังโงะแล้วไปกันเลยไหมคะ
諦める (なんて) ことは (絶対) ないよ
การยอมแพ้ (อะไรนั่นน่ะ) มันจะ (ไปมี) ได้ไง
ドンと来いだよ ハンデ有りのノンフィクション
ดาหน้ากันเข้ามาเลย เจ้าความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ
いまいまいまこの瞬間が スタート切るチャンスなんだ
วินาทีนี้แหละคือโอกาสในการเริ่มต้นนะ
ドンと来いだよ 気合い入れてこんちくしょう
ดาหน้ากันเข้ามาเลย ใส่แรงให้เต็มที่เลยไอ้กร๊วกนี่
ほらほらほらもうあっちゅうま 大逆転しちゃうもんね
เห็นไหมล่ะ แค่แป๊บเดียวสถานการณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว
飛べ飛べ もうちょいだけ高く
จงโบยบินสูงขึ้นอีกสักนิด
行け行け もうちょいだけ遠く
จงวิ่งไปให้ไกลขึ้นอีกสักนิด
君と私 (本気出せば) 限界なんてちょちょいのちょいね
ถ้าเธอกับฉัน (เอาจริงแล้วละก็) ขีดจำกัดมันก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋วน่า
(フレフレ!私たちへ フレフレ!みんなへ)
(ฮูเร่ๆ ให้พวกเรา ฮูเร่ๆ ให้ทุกคน)
(フレフレ!インフレだって強く生きましょ)
(ฮูเร่ๆ ถึงเงินจะเฟ้อแต่ก็มามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งกันเถอะ)
(フレフレ!私たちへ フレフレ!みんなへ)
(ฮูเร่ๆ ให้พวกเรา ฮูเร่ๆ ให้ทุกคน)
(フレフレ!フレンドシップ見せてやるぞ)
(ฮูเร่ๆ จะแสดงพลังมิตรภาพให้เห็นเอง)
突破じゃい 1000%
ทะลุขีดจำกัด 1000% กันไปเล้ย
とっ とっ 止まらん 行け行けー!
ทะลุขีดจำกัด 1000% กันไปเลย ยะ ยะ หยุดไม่ได้แล้ว มุ่งหน้าไปกันเถอะ!
- บทวิเคราะห์นี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวจากมุมผู้เขียนเท่านั้น อย่าได้ยึดเป็นความจริงแท้เพียงหนึ่งเดียว ถ้าอยากแลกเปลี่ยนความเห็นใดๆ ก็ยินดีเสมอค่ะ
- Facts ของเพลงนี้คือเป็นเพลงที่เมกุมิเขียนรอรูริโนะเข้าชมรมตั้งแต่ประมาณ 1 ปีก่อนนับจากเดือนสิงหาคม 2023 (รูริโนะเคยพูดใน FesxLIVE เดือนสิงหาคม 2023) ในเกมไม่ได้ระบุช่วงเวลาที่ชัดเจน
- อิงจากข้างบน ส่วนตัวคิดว่าเมกุมิเขียนเพลงนี้หลังเกิดอุบัติเหตุตกเวทีในเดือนตุลาคม ปี 2022 ไว้ส่วนหนึ่ง แล้วที่เหลือก็มาเขียนต่อในปีนี้
ถ้าสรุปในประโยคเดียว Do! Do! Do! คือเพลงอิมเมจยูนิต Mira-Cra Park! ที่เอาชนะปมในใจได้แล้วเลยอยากสร้างความสนุกสนานไปด้วยกันกับแฟนคลับ แต่ถ้าอยากอ่านแบบยาวๆ ก็เชิญอ่านบรรทัดต่อไปได้เลยค่ะ
เพลง Do! Do! Do! จะแบ่งได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ คือส่วนที่เป็นโลกความฝันกับโลกความจริง ซึ่งเป็นจุดเด่นของเพลงยูนิตนี้ที่มักเอาเรื่องแฟนตาซีมาปนกับความเป็นจริง อย่างเพลง Hakuchuu a la mode เป็นสาวน้อยฝันกลางวันเรื่องรักใคร่ / เพลง Kokon Touzai เป็นการเอาเกมมาเทียบกับชีวิตจริง
ส่วนเพลง Do! Do! Do! จะมีโลกความฝันที่พูดถึงนิทานหรือวรรณกรรมเรื่องดังของญี่ปุ่น ส่วนโลกความจริงของเพลงจะเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องในเกม+ตัวรูริโนะกับเมกุมิโดยตรง เพื่อให้อ่านเข้าใจง่ายมากขึ้น (สรุปเราเข้าใจง่ายอยู่คนเดียว) จะขอวิเคราะห์ไล่ไปทีละท่อนแล้วสรุปเนื้อหารวมกับกิมมิคของเพลงไว้ในหน้าถัดไปของบทความนะคะ
流れ星空へと打ち返す (飛ばすぜ!ドゥノットウォーリー)
ตีดาวตกกลับขึ้นท้องฟ้า (ตีขึ้นไปเลย! Do not worry)
「ホームラン!」かぐや姫が叫ぶ (9回裏のストーリー)
เจ้าหญิงคางุยะตะโกนออกมาว่า “โฮมรัน!” เลยนะ (เป็นเรื่องราวในอินนิ่งที่ 9 ครึ่งหลังล่ะ)
驚いたUFOが落ちてく (やりすぎ!?アイアムソーリー)
ยูเอฟโอตกใจจนร่วงลงมาเลย (ทำเกินไปเหรอ!? I am sorry)
目が覚めてティーチャーが微笑んだ (絶体絶命!ですっ)
พอลืมตาขึ้นมาคุณครูก็ยิ้มหวานให้ (ไม่รอดชัวร์ป้าบค่ะ!)
จากเนื้อเพลงท่อนแรกสุดจะเห็นว่าเป็นเรื่องราวของรูริโนะกับเมกุมิที่หลับในคาบเรียนแล้วฝันหวานถึงเรื่องต่างๆ แต่พอลืมตาขึ้นมาก็เจอครูยิ้มหวานเตรียมดุ
ในด้านเนื้อหาตรงนี้จะเขียนถึงนิสัยของรูริโนะกับเมกุมิที่เป็นคนไม่ค่อยตั้งใจเรียน ในเนื้อเรื่องหรือไลฟ์สตรีมจะมีพูดอยู่บ้างว่ารูริโนะชอบเหม่อในคาบเรียน ส่วนเมกุมิคือเด็กที่นอกจากจะไม่ชอบเรียนหนังสือแล้วยังชอบสอบได้คะแนนไม่ดี เลยไม่แปลกที่เนื้อเพลงจะเขียนให้สองคนนี้หลับในคาบแล้วฝันเป็นเรื่องเป็นราว
นอกจากนิสัยที่เด่นออกมาแล้วเนื้อเพลงยังพูดถึงงานอดิเรกของรูริโนะคือการไปแบตติ้งเซ็นเตอร์ (ตีลูกเบสบอล) ดูได้จากศัพท์ที่ใช้ในเนื้อเพลงอย่างคำว่าโฮมรัน, อินนิ่งที่ 9 ครึ่งหลัง ส่วนที่เป็นด้านแฟนตาซีก็มีพูดถึง UFO กับเจ้าหญิงคางุยะจากวรรณกรรมเรื่องเล่าที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Taketori Monogatari (ในไทยน่าจะคุ้นชื่อตำนานเจ้าหญิงคางุยะเฉยๆ มากกว่า)
ส่วนสำคัญที่มองข้ามไม่ได้ของเนื้อเพลงช่วงนี้คือคำว่า ‘เป็นเรื่องราวในอินนิ่งที่ 9 ครึ่งหลัง’ เป็นศัพท์ในแวดวงเบสบอล ซึ่งเบสบอลเป็นกีฬาที่จะแข่งกันทั้งหมด 9 อินนิ่ง (ยกเว้นเบสบอลระดับประถม) ในแต่ละอินนิ่งจะแบ่งเป็นครึ่งแรกกับครึ่งหลัง ซึ่งเกมอินนิ่งที่ 9 ครึ่งหลังคือ ‘โอกาสสุดท้ายที่จะทำให้ทีมพลิกกลับมาชนะได้’
เนื้อเรื่อง Mira-Cra Park! ในบท 10 จะมีเมกุมิที่บอกว่า “ฉันลองทำทุกทางแล้วแต่ก็กลับขึ้นไปแสดงบนเวทีไม่ได้ แล้วรูริจังจะมาช่วยจัดไลฟ์ให้กำลังใจเอาป่านนี้มันก็สายเกินไปไหม” แต่รูริโนะยืนยันจะจัดไลฟ์ให้แถมมัดมือชกว่าเมกุมิต้องมาแสดงไลฟ์กับตัวเองอีก พอถึงเวลาจริงเมกุมิก็มาดูรูริโนะแสดงไลฟ์ในฐานะผู้ชมแล้วรู้สึกว่าตัวเองยังไม่อยากยอมแพ้เลยเอาชนะความกลัวเรื่องขึ้นเวทีแล้วไปแสดงกับรูริโนะ
เรามองว่าไลฟ์รูริโนะคือ ‘เรื่องราวในอินนิ่งที่ 9 ครึ่งหลัง’ ที่หมายความว่า ‘โอกาสสุดท้ายที่พลิกให้เมกุมิกลับมาเป็นสคูลไอดอลได้’ เพราะซายากะเคยบอกว่าถ้ารูริโนะแสดงไลฟ์สำเร็จก็มีโอกาสที่เมกุมิจะอาการดีขึ้น แต่ถ้าแสดงพลาดคงเป็นการย้ำแผลใจเมกุมิจนพลาดโอกาสพาเมกุมิกลับมา ซึ่งการที่ Mira-Cra Park! ฟอร์มยูนิตจนร้องเพลงนี้ได้ก็เท่ากับว่ารูริโนะทำให้เกมพลิกได้แล้ว ทำให้เนื้อหาเพลง Do! Do! Do! จะพูดถึงเรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดจนถึงจุดเริ่มต้นหลังเกมพลิกนั่นเอง
充電がフルになるまであと少し夢見たいなぁ (シャットダウンする?)
อยากฝันต่ออีกสักนิดจนกว่าจะชาร์จแบตเต็มจัง (จะชัตดาวน์ไหมล่ะ?)
胸の中ウサギとカメがずっと競争している
ในใจมีกระต่ายกับเต่าวิ่งแข่งอยู่ตลอดเลยนะ
หลังจากโดนครูปลุกรูริโนะก็ยังอยากชาร์จแบตต่ออยู่ดี ในใจก็ยังนึกถึงเรื่องแฟนตาซี ส่วนเมกุมิเป็นคนที่รู้เรื่องรูริโนะแบตหมดมานานเลยเสนอให้รูริโนะชัตดาวน์เพื่อพักผ่อน
ตรงนี้จะมีนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่าโผล่มา ก็อย่างที่รู้กันคือเป็นนิทานอีสปที่โด่งดังไปทั่วโลกนั่นเอง
ド!ド!ド! ドンと来いだよ ハンデ有りのノンフィクション
ดาหน้ากันเข้ามาเลย! เจ้าความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ
いまいまいまこの瞬間が スタート切るチャンスなんだ
วินาทีนี้แหละคือโอกาสในการเริ่มต้นนะ
ドンと来いだよ 気合い入れてこんちくしょう
ดาหน้ากันเข้ามาเลย ใส่แรงให้เต็มที่เลยไอ้กร๊วกนี่
ほらほらほらもうあっちゅうま 大逆転しちゃうもんね
เห็นไหมล่ะ แค่แป๊บเดียวสถานการณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว
มาถึงท่อนฮุคของเพลงที่มีคำว่าโดะโดะโดะ คำสำคัญในท่อนนี้คือ ‘เจ้าความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ’ คำว่าเสียเปรียบในที่นี้ต้นฉบับใช้คำว่า ハンデ有り ที่มีความหมายคือเวลาทำเรื่องต่างๆ แล้วเสียเปรียบเพราะมีเงื่อนไขหรือเจออุปสรรค
อุปสรรคที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงของ Mira-Cra Park! คือ ‘อุปสรรคด้านจิตใจที่ส่งผลต่อร่างกาย’ ของรูริโนะและเมกุมิซึ่งเป็นอุปสรรคที่ต่างจากยูนิตอื่น
รูริโนะเป็นเด็กที่พอพบปะคนเยอะๆ แล้วจะหมดแรงง่ายจนต้องชาร์จแบต เพราะฉะนั้นเวลาทำกิจกรรมชมรมจะเสียเปรียบกว่าคนอื่นตรงที่พลังงานมีขีดจำกัด ส่วนเมกุมิคือคนที่เคยตกเวทีการแสดงจนบาดเจ็บและเกิดทรอม่าจนขึ้นแสดงบนเวทีไม่ได้ เป็นข้อเสียเปรียบที่ถ้ารูริโนะไม่มาช่วยเยียวยาให้ดีขึ้น เมกุมิก็จะไม่มีทางกลับมาเป็นสคูลไอดอลได้อีก
แต่เพราะเป็นรูริโนะกับเมกุมิที่รับมือกับอุปสรรคนั้นได้แล้วเนื้อเพลงท่อนนี้เลยไม่ได้สื่อถึงความทุกข์จากอุปสรรค แต่เป็นการท้าทายว่า ‘เราผ่านอุปสรรคใหญ่ๆ ที่ทำให้เสียเปรียบมาได้แล้ว ถ้ายังจะมีอย่างอื่นอีกแน่จริงก็เข้ามาเลย’ ซึ่งการใช้คำพูดคำจาจะสุภาพน้อยหน่อยถ้าเทียบกับคนอื่น เพราะรูริโนะกับเมกุมิเป็นคนที่พูดแบบเป็นกันเองมากที่สุดในชมรมแล้ว
นอกจากในเนื้อเพลง เมกุมิเคยพูดถึงคำว่า ハンデ有りのノンフィクション ในวอยซ์การ์ด UR เมกุมิเซ็ต Natsumeki Pain ว่า “ฉันยังไม่พอใจกับแค่นี้หรอก เพราะพวกเราเพิ่งจะเริ่มต้นเองนะ ถึงจะเป็นความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ แต่ก็จะทำให้สถานการณ์พลิกกลับจากหน้ามือเป็นหลังมือให้ได้เลยคอยดูสิ” ซึ่งมีเนื้อหาตรงกับเนื้อเพลงข้างบนที่พอได้เริ่มต้นแล้วก็จะพลิกสถานการณ์จากที่ขึ้นเวทีไม่ได้มาสร้างความสนุกสนานให้ทุกคนได้เลยนะ
เสริมจากด้านบน คำว่า ‘พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ’ ต้นฉบับใช้คำว่า 大逆転 เป็นคำศัพท์อีกหนึ่งคำที่ใช้ในแวดวงกีฬาในความหมายเกมพลิก จากบริบทเพลงนี้นับเป็นคำที่ใช้ในกีฬาเบสบอล ในสถานการณ์อินนิ่งที่ 9 อย่างที่อธิบายไปด้านบนว่าเป็น ‘โอกาสพลิกเกม’
飛べ飛べ もうちょいだけ高く 行け行け もうちょいだけ遠く
จงโบยบินสูงขึ้นอีกสักนิด จงวิ่งไปให้ไกลขึ้นอีกสักนิด
君と私 (本気出せば) 限界なんてちょちょいのちょい
ถ้าเธอกับฉัน (เอาจริงแล้วละก็) ขีดจำกัดมันก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋วน่า
突破じゃい 1000%
ทะลุขีดจำกัด 1000% กันไปเล้ย
ส่วนท่อนนี้ก็มีความหมายตรงตัวเลยคือ ‘ถ้ารูริโนะกับเมกุมิเอาจริงแล้วจะทำลายขีดจำกัดตัวเองได้’ ซึ่งขีดจำกัดในที่นี้ก็เป็นได้ทั้งอุปสรรคที่เคยเป็นข้อจำกัดในชีวิตและความสนุกสนานที่สองคนนี้จะมอบให้คนดูแบบไม่หยุดที่ 100% แต่เป็น 1000% ทะลุไปเลย
お弁当 海の玉手箱や~ (それなら宝石箱や~)
ข้าวกล่องคือกล่องของขวัญจากท้องทะเลล่ะ~ (งั้นก็เป็นกล่องอัญมณีน่ะสิ~)
どんぶらこデザート流れて来い (桃でもケーキでもいいなぁ)
ของหวานช่วยไหลตามลำธารมาทีสิ (จะเป็นลูกท้อหรือเค้กก็ได้ทั้งนั้น)
食べすぎて瞼が落ちてく (相撲で勝負だ睡魔)
พอกินมากไปหนังตาก็เริ่มหย่อนแล้วสิ (ต้องสู้กับความง่วงด้วยซูโม่แล้วละ)
目が覚めてティーチャーが微笑んだ (い・の・こ・り・ね)
พอลืมตาขึ้นมาคุณครูก็ยิ้มหวานให้ (อยู่-ต่อ-หลัง-เลิก-เรียน-นะ)
เนื้อเพลงช่วงนี้พูดถึงนิทาน/วรรณกรรม 2 เรื่องคืออุราชิมะทาโร่ (กล่องของขวัญจากท้องทะเล-กล่องอัญมณีในที่นี้หมายถึงกล่องที่เจ้าหญิงวังมังกรมอบให้ตัวเอกก่อนกลับขึ้นไปบนพื้นดิน) และโมโมทาโร่ (ลูกท้อที่ไหลมาตามลำธาร) แต่ก็ปิดท้ายด้วยเป็นความฝันที่พอตื่นขึ้นมาก็โดนครูบอกให้อยู่ต่อหลังเลิกเรียน คำว่าอยู่ต่อในที่นี้มักหมายถึงอยู่ทำแบบฝึกหัด/เรียนเสริม ในขณะที่คนอื่นกลับบ้านได้เลย นับเป็นท่อนที่ย้ำให้เห็นนิสัยเรื่องเรียนของสมาชิกยูนิตนี้อีกรอบ
ในท่อน ‘ต้องสู้กับความง่วงด้วยซูโม่แล้วละ’ ถ้าพูดออกเสียงเฉยๆ แบบไม่ดูความหมายตัวคันจิจะอ่านว่า ‘ซูโม่เดะโชบุดะสุอิมะ’ ซึ่งคำว่าสุอิมะ-ซุยมะ (睡魔) ตอนร้องจริงๆ จะมีลากเสียงยาวช่วงท้าย ทำให้ออกเสียงคล้ายคำว่า ‘สวิมเมอร์’ (スイマー swimmer) ที่ในภาษาญี่ปุ่นมักหมายถึงนักกีฬาว่ายน้ำ เหมือนจงใจเล่นคำด้านอาชีพนักซูโม่-นักว่ายน้ำไปด้วยโดยที่ยังคงความหมายหลักเรื่องต่อสู้กับความง่วงนอนได้
世界中巻き込みながら好きなだけ遊びたいなぁ (楽しいが一番!)
อยากเที่ยวเล่นรอบโลกเท่าที่ใจอยากจังเลยน้า (ความสนุกสนานสำคัญที่สุดแล้ว!)
100年後100万年後には昔ばなしに載っけてよ
(มาบันทึกเรื่องนี้เป็นนิทานหลังจากนี้นับร้อย นับล้านปีให้หลังกันเถอะ)
ถ้าแปลตรงตัวจะได้ความหมายอย่างที่เราแปลไป แต่ถ้าเอามาเรียบเรียงใหม่เนื้อเพลงท่อนนี้จะหมายถึง Mira-Cra Park! อยากทำให้เรื่องราวการสร้างความสนุกสนานของตัวเองเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจนมีคนบันทึกไว้ให้คนรุ่นหลังอ่านเหมือนนิทาน/วรรณกรรมทุกเรื่องที่ยกมา
ตัดเรื่องกระต่ายกับเต่าไป เนื้อเพลงท่อนที่ผ่านมามีพูดถึงเจ้าหญิงคางุยะ, อุราชิมะทาโร่ และโมโมทาโร่ เรื่องเล่าของญี่ปุ่นที่ถ้าใครเสพสื่อบันเทิงญี่ปุ่นมาบ้างก็น่าจะรู้จักเรื่องเล่าเหล่านี้กันหมด
เรื่องเจ้าหญิงคางุยะหรือ Taketori Monogatari มีมาตั้งแต่สมัยเฮอัน (ประมาณต้นศตวรรษที่ 10), อุราชิมะทาโร่มีมาตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 6 (แต่เนื้อหาที่คนรู้ทั่วกันในปัจจุบันเป็นฉบับช่วงปลายศตวรรษที่ 19) และโมโมทาโร่ไม่ปรากฏปีที่แต่งชัดเจนแต่มีการเล่าแบบปากต่อปากในปลายสมัยมุโรมาจิ (ประมาณปลายศตวรรษที่ 16) แปลว่าทุกเรื่องมีอายุไม่ต่ำกว่า 100 ปีกันหมด
ดูเผินๆ เหมือน Mira-Cra Park! เป็นยูนิตที่ร้องเพลงไปเรื่อยตามประสาเด็กแอบหลับในห้องเรียน แต่ถ้าเอาทั้งหมดมาสรุปอีกทีจะเป็นท่อนที่สื่อว่า ‘อยากทำให้ Mira-Cra Park! เป็นตำนานที่คนทั่วโลกจะรู้จักไปนับร้อยนับล้านปี’ และอาจจะเกี่ยวข้องกับประโยคที่ยูนิตนี้พูดบ่อยๆ คือ “เราสองคนมาทำให้คนทั่วโลกหลงใหลในตัวเรากันเถอะ” ด้วย
ド!ド!ド! ドン詰まりこそ 無敵になるモチベーション
การเจอทางตันนี่แหละคือแรงผลักดันให้เราไร้เทียมทาน
きたきたきたこの感覚が まだ頑張れる合図なんだ
ความรู้สึกนี้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว เป็นสัญญาณว่ายังพยายามได้ต่อไปไง
ドン詰まりこそ 笑顔見せてなんのその
เพราะเจอทางตันนี่แหละถึงต้องยิ้มสู้ให้เห็น
まだまだまだあれこんなもん 大成功しちゃうもんね
ถึงจะยังไม่ได้เรื่องอยู่ แต่อาจจะประสบความสำเร็จสุดๆ ก็ได้นะ
หลังจากเริ่มต้นกันไปแล้วก็ต้องให้กำลังใจตัวเองกันหน่อยว่าพอเจอทางตัน (อุปสรรคที่ทำให้รูริโนะกับเมกุมิเป็นสคูลไอดอลต่อไม่ไหวอย่างที่เขียนไปย่อหน้าบนๆ) แล้วจะกลายเป็นแรงผลักดันที่ทำให้ Mira-Cra Park! เหนือกว่าใครได้
โดยเฉพาะท่อนที่เมกุมิร้องว่า ‘ความรู้สึกนี้ก่อตัวขึ้นมาแล้ว’ จะเทียบได้กับเนื้อเรื่องบท 10 ตอน 8 ที่เมกุมิดูรูริโนะแสดงแล้วยังไม่อยากยอมแพ้ ซึ่งตอบรับกับท่อน ‘เป็นสัญญาณว่ายังพยายามได้ต่อไปไง’ ของรูริโนะที่ต่อให้ไม่ได้พูดกันตรงๆ ในตอนนั้นแต่ความไม่อยากยอมแพ้ของเมกุมิคือสัญญาณว่ายูนิต Mira-Cra Park! กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ส่วนที่บอกว่าเจอทางตันแล้วยิ้มสู้อาจจะยังไม่ชัดมากในบท 9-10 (แต่ก็มีให้เห็นในหลายๆ ฉากที่รูริโนะเหมือนจะยอมแพ้แต่สุดท้ายยังยิ้มสู้ หรือตอนที่เมกุมิตัดสินใจขึ้นแสดงกับรูริโนะก็ยิ้มกว้างเหมือนกัน) แต่ถ้าอ่านเนื้อเรื่องบท 11 จะมีตอนที่เมกุมิต้องพูด MC ถ่วงเวลาอยู่คนเดียวด้วยรอยยิ้มทั้งที่ในใจกังวล
เราว่าจุดนี้ก็เหมือนเป็นตัวบอกกลายๆ เหมือนกันว่าเวลาสองคนนี้เจอเรื่องมืดแปดด้านมากเท่าไหร่ก็ต้องยิ้มสู้เผื่ออะไรๆ จะดีขึ้นตามมา และต่อให้ตอนนี้ยูนิต Mira-Cra Park! จะยังไม่เข้าที่เข้าทางหรือยังมองไม่เห็นภาพชัดเจน แต่ขอแค่มีรอยยิ้มก็คงประสบความสำเร็จมากในสักวันแน่นอน
飛べ飛べ もうちょっとで届く 行け行け もうちょっとで変わる
จงโบยบินเข้า อีกนิดหนึ่งก็จะถึงแล้วนะ จงวิ่งไปซะ อีกนิดหนึ่งก็จะเปลี่ยนไปแล้วนะ
君と私 (一緒だったら) 心配なんてなくなくない?
ถ้าเธอกับฉัน (อยู่ด้วยกันแล้วละก็) ไม่เห็นไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลยนี่?
どっちじゃい!? 気にしません
เป็นอย่างไหนกันแน่เนี่ย!? ฉันไม่สนหรอกนะ
จากท่อนร้องของรูริโนะเรามองว่าภาพที่ได้จากเนื้อเพลงท่อน ‘จงโบยบินเข้า อีกนิดหนึ่งก็จะถึงแล้วนะ’ คือรูริโนะที่พยายามโบยบินไปหาเมกุมิเพื่อส่งความตั้งใจของตัวเองให้ถึงอีกฝ่าย ที่เลือกใช้คำว่าโบยบินในเนื้อเพลงอาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ รูริโนะเคยบอกเมกุมิว่า “จะไล่ตามเมกุจังให้ทันรวดเดียวด้วยเครื่องบินเลย” และสุดท้ายความตั้งใจของรูริโนะก็โบยบินถึงเมกุมิจริงๆ
ส่วนท่อนร้องของเมกุมิที่บอกว่า ‘จงวิ่งไปซะ อีกนิดหนึ่งก็จะเปลี่ยนไปแล้วนะ’ เป็นไปได้ทั้งฉากที่เมกุมิวิ่งไปหารูริโนะบนเวทีหลังดูการแสดงของรูริโนะและการที่เมกุมิอยากสื่อว่าถ้าตัวเองเลือกวิ่งบนทางการเป็นสคูลไอดอลต่อไปอีกสักนิดโลกก็จะเปลี่ยนไป เพราะจากที่วิ่งมาคนเดียวตลอดจะเป็นวิ่งไปด้วยกันกับรูริโนะแล้ว
ส่วนอีกสองบรรทัดก็เป็นส่วนบอกนิสัยของสมาชิกยูนิตทั้งสองที่ถ้าใครดูไลฟ์สตรีมหรือเคยเห็นคาร์สองคนนี้มีปฏิสัมพันธ์กันจะเห็นว่ารูริโนะกับเมกุมิชอบเล่นมุกตบมุกกันเอง อย่างในเนื้อเพลงท่อนที่เมกุมิร้องว่า ‘ไม่เห็นไม่ต้องเป็นห่วงอะไรเลย’ มีการใช้คำว่า ‘ไม่’ ซ้ำซ้อนแสดงออกว่าเหมือนจะมั่นใจแต่ก็ไม่มั่นใจว่าน่าเป็นห่วงแน่ไหม จนท่อนต่อมาต้องตบมุกกันเองว่า ‘สรุปน่าเป็นห่วงหรือไม่น่าเป็นห่วงกันแน่’
質問!あなたが鬼退治を任されたらどう戦いますか?
มีคำถามค่ะ! ถ้าคุณต้องไปปราบยักษ์ คุณจะสู้ยังไงคะ?
(おぅりゃりゃー!とぉりゃりゃー!)
はい!鬼ヶ島に遊園地と温泉とサウナを作って毒気を抜いて平和的解決を図ります!
ค่ะ! ก็สร้างสวนสนุก บ่อน้ำพุร้อน แล้วก็ซาวน่าบนเกาะยักษ์ให้ยักษ์หมดฤทธิ์แล้วก็จะแก้ปัญหาได้โดยสวัสดิภาพค่า!
เป็นอีกท่อนที่อ้างอิงถึงโมโมทาโร่เรื่องไปปราบยักษ์ แต่นี่เป็นโมโมทาโร่เวอร์ชัน Mira-Cra Park! ที่จะไม่สู้รบแต่แก้ปัญหาอย่างสันติในแบบของรูริโนะ
ในอีกแง่หนึ่งถ้ามองว่า ‘ยักษ์’ คืออุปสรรคในเรื่องโมโมทาโร่ที่ตัวเอกต้องปราบถึงจะจบเรื่อง เนื้อเพลงท่อนนี้ก็เหมือนเมกุมิถามรูริโนะว่า ‘รูริโนะคิดจะรับมือเรื่องอุปสรรคของเมกุมิให้เรื่องราวนี้จบลงยังไง’ แล้วสิ่งที่รูริโนะตอบมาคือการสร้างสถานที่ที่มอบความสนุกสนานขึ้นมาให้ต้นตอของปัญหาหายไป เหมือนต้องการบอกว่า ‘รูริโนะจะเป็นคนสร้างความสนุกสนานในแบบที่ทำให้เมกุมิก้าวข้ามแผลใจของตัวเองได้แล้วเรื่องราวก็จะจบลงได้อย่างมีความสุข’ อย่างที่เห็นในเนื้อเรื่องบท 10 ทั้งบท (ถึงระหว่างทางจะตุ้บตั้บกันไปหลายทีก็เถอะ)
でもね たまに赤点取る日もあるよ
แต่บางครั้งก็มีวันที่สอบตกแหละนะ
そう うちら人間なんだもん (なんだもん)
ใช่แล้ว พวกเราเองก็เป็นมนุษย์นี่นา (ใช่ไหมล่ะ)
さあ お団子食べて行きますか
เอาละ กินดังโงะแล้วไปกันเลยไหมคะ
諦める (なんて) ことは (絶対) ないよ
การยอมแพ้ (อะไรนั่นน่ะ) มันจะ (ไปมี) ได้ไง
เริ่มมาก็เป็นท่อนที่แสดงให้เห็นถึงนิสัยส่วนตัวของเมกุมิ (?) ที่เอาเรื่องสอบตกมาใส่ในเนื้อเพลงให้เหมือนเผาตัวเอง แต่นอกจากนั้นเราคิดว่าน่าจะเป็นการเปรียบเปรยว่า ‘คนเราเองก็มีวันแย่ๆ กันอยู่แล้ว’ ซึ่งอาจจะหมายถึงช่วงเวลาทั้งหมดที่เมกุมิพักชมรมไป+มีปากเสียงกับรูริโนะเรื่องกลับเข้าชมรม
ท่อนถัดมาที่บอกว่า ‘กินดังโงะแล้วไปกันเลยไหม’ เป็นสถานการณ์ในเรื่องโมโมทาโร่ที่พอโมโมทาโร่มอบคิบิดังโงะให้สัตว์ต่างๆ สัตว์เหล่านั้นจะกลายมาเป็นเพื่อนร่วมทางที่เดินทางไปปราบยักษ์ด้วยกัน
ในเนื้อเรื่องเกมก็มีฉากที่รูริโนะมอบของอย่างหนึ่งให้เมกุมิเพื่อให้เมกุมิตัดสินใจว่าจะร่วมเดินทางไปกับรูริโนะหลังจากนี้หรือไม่ ของสิ่งนั้นคือใบปลิวโปรโมทไลฟ์ที่ระบุว่าเมกุมิจะขึ้นแสดงกับรูริโนะที่เมกุมิรับไปแล้วจะตัดสินใจร่วมทางไหมก็ขึ้นอยู่กับตัวเมกุมิเอง แต่จากเนื้อเพลงและเนื้อเรื่องเกมก็บอกคนอ่านเรียบร้อยแล้วว่าเมกุมิตัดสินใจร่วมทาง (เหมือนสหายโมโมทาโร่ที่รับคิบิดังโงะไปกินแล้วร่วมเดินทางไปปราบยักษ์ด้วยกัน)
ส่วนบรรทัดล่างสุดเป็นคำพูดเมกุมิที่มีในเนื้อเรื่องบท 10 เหมือนกัน เป็นฉากที่เมกุมิพูดคนเดียวว่า ‘จะให้ยอมแพ้เรื่องการเป็นสคูลไอดอลคงเป็นไปไม่ได้จริงๆ’ แล้ววิ่งไปหารูริโนะบนเวที (เป็นรูปเดียวกับรูปด้านบนๆ)
ドンと来いだよ ハンデ有りのノンフィクション
ดาหน้ากันเข้ามาเลย เจ้าความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ
いまいまいまこの瞬間が スタート切るチャンスなんだ
วินาทีนี้แหละคือโอกาสในการเริ่มต้นนะ
ドンと来いだよ 気合い入れてこんちくしょう
ดาหน้ากันเข้ามาเลย ใส่แรงให้เต็มที่เลยไอ้กร๊วกนี่
ほらほらほらもうあっちゅうま 大逆転しちゃうもんね
เห็นไหมล่ะ แค่แป๊บเดียวสถานการณ์ก็พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือแล้ว
飛べ飛べ もうちょいだけ高く 行け行け もうちょいだけ遠く
จงโบยบินสูงขึ้นอีกสักนิด จงวิ่งไปให้ไกลขึ้นอีกสักนิด
君と私 (本気出せば) 限界なんてちょちょいのちょいね
ถ้าเธอกับฉัน (เอาจริงแล้วละก็) ขีดจำกัดมันก็แค่เรื่องขี้ปะติ๋วน่า
ท่อนนี้เป็นท่อนฮุคที่เขียนวิเคราะห์ไปแล้ว แต่คิดว่าพอเอามาร้องย้ำก่อนจบเพลงก็เหมือนเป็นการย้ำเพิ่มความหนักแน่นว่าต่อให้เจออุปสรรคมาแค่ไหนก็พร้อมไปต่อจนถึงที่สุด
(フレフレ!私たちへ フレフレ!みんなへ)
(ฮูเร่ๆ ให้พวกเรา ฮูเร่ๆ ให้ทุกคน)
(フレフレ!インフレだって強く生きましょ)
(ฮูเร่ๆ ถึงเงินจะเฟ้อแต่ก็มามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งกันเถอะ)
(フレフレ!私たちへ フレフレ!みんなへ)
(ฮูเร่ๆ ให้พวกเรา ฮูเร่ๆ ให้ทุกคน)
(フレフレ!フレンドシップ見せてやるぞ)
(ฮูเร่ๆ จะแสดงพลังมิตรภาพให้เห็นเอง)
突破じゃい 1000% とっ とっ 止まらん 行け行けー!
ทะลุขีดจำกัด 1000% กันไปเลย ยะ ยะ หยุดไม่ได้แล้ว มุ่งหน้าไปกันเถอะ!
ในช่วงสุดท้ายของเพลงก็มีความหมายตรงตัวเหมือนกัน แต่ก็ไม่พ้นมีท่อนแปลกๆ อย่าง ‘ถึงเงินจะเฟ้อแต่ก็มามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งกันเถอะ’ อยู่ดี
เพราะเป็นท่อนที่รูริโนะร้องเลยคิดว่าเป็น Broken English ของรูริโนะที่จงใจเล่นคำคำว่า フレ (ฟุเระ – ฮูเร่) กับ インフレ (อินฟุเระ – Inflation – ภาวะเงินเฟ้อ) ทำให้คำว่า ‘อิน’ (In) ใน ‘อินฟุเระ’ หมายถึงการเติม prefix in- ให้ความหมายของคำที่ตามหลังมาเป็นคำที่มีความหมายปฏิเสธ ฉะนั้นคำคำนี้จะไม่ได้หมายความว่าภาวะเงินเฟ้อ แต่หมายถึง ‘ต่อให้ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะร้องฮูเร่ๆ ได้ แต่ก็มามีชีวิตอยู่อย่างเข้มแข็งกันเถอะ’ แล้วความหมายจะสอดคล้องกับท่อนที่ร้องฮูเร่ๆ ก่อนหน้าด้วย
อีกหนึ่งคำว่าฟุเระที่เอามาเล่นคือคำว่าฟุเรนโดะชิป (フレンドシップ – Friendship) ในท่อนแสดงพลังมิตรภาพ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการบอกว่าหลังจากนี้ Mira-Cra Park! จะทะลุขีดจำกัดแล้วมุ่งหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งอีกด้วย
.
- Do! Do! Do! เป็นเพลงที่เมกุมิเขียนก่อนฟอร์มยูนิตกับรูริโนะประมาณ 1 ปี แต่ส่วนตัวคิดว่าหลังจบเรื่องราวทั้งหมดแล้วคงเอามาเรียบเรียงใหม่เพราะมีหลายท่อนในเพลงที่ตรงกับเรื่องราวของ Mira-Cra Park! ที่เกิดขึ้นตามไทม์ไลน์ปัจจุบัน และถ้านับตามเวลาจริงแล้ว Mira-Cra Park! แสดงเพลง Do! Do! Do! ครั้งแรกตอน FesxLIVE เดือนสิงหาคม (30 สิงหาคม 2023)
. - เพลงนำเสนอเรื่องราวของ Mira-Cra Park! ในบท 9-10 และเป้าหมายของ Mira-Cra Park! ผ่านการยกเรื่องเล่าดังมีอายุอย่างเจ้าหญิงคางุยะ, โมโมทาโร่, อุราชิมะทาโร่ และกระต่ายกับเต่ามาอ้างอิงเพื่อทำให้เห็นภาพเป้าหมายชัดเจนขึ้นว่า ‘Mira-Cra Park! อยากให้ทุกคนบนโลกจดจำเรื่องราวความสนุกสนานของพวกเธอได้ไปอีกนานๆ เหมือนที่คนจดจำเรื่องเล่าเหล่านั้นได้’
. - จากข้อด้านบนคีย์เวิร์ดของยูนิต Mira-Cra Park! คือ ‘ความสนุกสนาน’ ซึ่งมีที่มาจากคำสัญญาของรูริโนะกับเมกุมิในวัยเด็กที่ว่า ‘สักวันจะทำเรื่องสนุกๆ ด้วยกันอีก’ และเมกุมิก็เป็นคนชวนรูริโนะมาเป็นสคูลไอดอลด้วยประโยคที่ว่า “การเป็นสคูลไอดอลสนุกนะ รูริจังก็มาเป็นสคูลไอดอลด้วยกันสิ” เพราะงั้นการแก้ปัญหาของ Mira-Cra Park! เลยกลายเป็นการเอาความสนุกเข้าสู้ทุกอย่าง
. - ส่วนคีย์เวิร์ดของเพลงนี้คือคำว่า ‘ความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ’ (ハンデ有りのノンフィクション – Hande ari no Nonfiction) เพราะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว Mira-Cra Park! ที่มีข้อเสียเปรียบต่างจากยูนิตอื่น
และพอเวลาผ่านมา Mira-Cra Park! ก็ยกข้อความข้างบนมาพลิกความหมายอีกทีในรูปแบบเพลง Nonfiction Hero Show ที่ Mira-Cra Park! ใช้แข่งเลิฟไลฟ์รอบคัดเลือกระดับเขต คือจากความเป็นจริงที่มีข้อเสียเปรียบ > ฮีโร่โชว์เรื่องที่เกิดขึ้นจริง
(เสริมคือในรายการวิทยุนักพากย์ Mira-Cra Park! มียืนยันด้วยว่าเพลง Nonfiction Hero Show เหมือนเพลง Do! Do! Do! ที่อัปเกรดมาอีกขั้น นอกจากคำสำคัญอย่างคำว่านอนฟิกชันที่มีเหมือนกัน ท่าเต้นบางส่วนก็ปรับจากเพลง Do! Do! Do! ด้วย)
. - เนื้อเพลงเขียนถึงข้อมูลตัวละครในด้านที่เหมือนจะขายขำแต่ก็พลิกให้มีสาระได้อย่างเรื่องที่รูริโนะกับเมกุมิไม่ใช่เด็กตั้งใจเรียนเท่าไหร่ หรืองานอดิเรกของรูริโนะที่เป็นการไปแบตติ้งเซ็นเตอร์เองก็มีพูดถึงในรูปแบบศัพท์กีฬาเบสบอล
. - นอกจากนิสัยที่เห็นได้ชัดเจนแบบข้อด้านบน ในเนื้อเพลงจะมีลักษณะการใช้คำพูดของรูริโนะกับเมกุมิอยู่ในนั้นด้วย นอกจากที่อธิบายไปในบทวิเคราะห์ยังมีเรื่องการใช้คำคาตาคานะหรือคำทับศัพท์ในเพลง Mira-Cra Park! ที่จะใช้เป็นตัวคาตาคานะทั้งหมด ต่างจาก DOLLCHESTRA ที่พอเนื้อเพลงเป็นภาษาอังกฤษก็จะระบุเป็นศัพท์ภาษาอังกฤษแต่ไม่ใช่คำทับศัพท์ (อย่าง AWOKE ก็เป็น Be my self ตรงๆ ไม่ใช่ ビーマイセルフ แม้แต่อย่างใด)
เราว่าที่เพลง Mira-Cra Park! จงใจใช้คำคาตาคานะเป็นเพราะรูริโนะชอบพูด Broken English ที่ไม่ใช่ออกเสียงเชิงเนทีฟ แต่จะเป็นการออกเสียงคำภาษาอังกฤษแบบคนญี่ปุ่น (แถมบางทีสร้างคำใหม่ขึ้นเองอีกต่างหาก)
.
เอาจริงๆ เขียนมาถึงตรงนี้ก็คิดว่ายาวมาก เหมือนไม่ได้เขียนบทความยาวขนาดนี้มาพักใหญ่ๆ แล้ว ถ้าพูดเสริมอีกหน่อยคือเพลง Suisai Sekai ของ Cerise Bouquet กับ AWOKE ของ DOLLCHESTRA ก็มีการนำเสนอเนื้อหาในรูปแบบเดียวกันแค่ต่างสถานการณ์ และเพลงแรกของทุกยูนิตจะเชื่อมโยงกับเพลงแข่งเลิฟไลฟ์รอบแรกหมดด้วย (แต่เขียนยาวๆ แบบนี้ทุกเพลงไม่ไหว ถ้าใครโอชิยูนิตไหนลองเอาเนื้อเพลงเทียบกับเนื้อเรื่องได้เลยค่ะ เพราะเนื้อหา 3 บทเอามาปั่นรวมให้เป็นเพลงเพลงเดียวได้มีอยู่จริง) ในฐานะคนที่พยายามตามเรียลไทม์มาตลอดก็ค่อนข้างลุ้นค่ะว่ารอบต่อๆ ไปเด็กจะแสดงเพลงแนวไหน กฎการแข่งเลิฟไลฟ์จะมีปรับจากรุ่น Liella! ยังไงบ้าง
อย่างไรก็ตามถ้าอ่านแล้วรู้สึกสนใจ Mira-Cra Park! หรือคอนเทนต์ของ Link! Like! Love Live! มากขึ้นสักนิดก็จะดีใจนะคะ แค่อ่านจบเฉยๆ ก็ดีใจแล้วค่ะเพราะขนาดตัวเองยังไม่คิดว่าจะเขียนออกมายาวขนาดนี้ 55555555
สุดท้ายนี้ที่ขาดไม่ได้คงเป็นการเนียนโฆษณาแบบมัดรวม ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไปฮาสึโนะโซระจะออกซีดีเพลงติดกัน 3 สัปดาห์ โดยเริ่มจากยูนิต Cerise Bouquet
ซิงเกิล 3 Cerise Bouquet – Sugao no Pixel
วางจำหน่ายวันพุธที่ 15 พ.ย. 2023 ราคาแผ่นละ 1,650 เยน (รวมภาษี) ในแผ่นประกอบไปด้วยเพลง
- Sugao no Pixel (เคยแสดงใน FesxLIVE เดือนกันยายน 2023)
- Sugar Melt
- Senpen Banka (เคยแสดงในการแข่งเลิฟไลฟ์รอบคัดเลือกระดับเขต เดือนตุลาคม 2023)
ซิงเกิล 3 DOLLCHESTRA – Take It Over
วางจำหน่ายวันพุธที่ 22 พ.ย. 2023 ราคาแผ่นละ 1,650 เยน (รวมภาษี) ในแผ่นประกอบไปด้วยเพลง
- Take It Over (เคยแสดงใน FesxLIVE เดือนกันยายน 2023)
- Ame-iro
- KNOT (เคยแสดงในการแข่งเลิฟไลฟ์รอบคัดเลือกระดับเขต เดือนตุลาคม 2023)
ซิงเกิล 1 Mira-Cra Park! – Identity
วางจำหน่ายวันพุธที่ 29 พ.ย. 2023 ราคาแผ่นละ 1,650 เยน (รวมภาษี) ในแผ่นประกอบไปด้วยเพลง
- Identity (เคยแสดงใน FesxLIVE เดือนกันยายน 2023)
- Tensai nano kamoshirenai
- Nonfiction Hero Show (เคยแสดงในการแข่งเลิฟไลฟ์รอบคัดเลือกระดับเขต เดือนตุลาคม 2023)
และหากใครสนใจฝั่งนักพากย์ ในเดือนพฤษจิกายน 2023 นี้เด็กๆ มีไลฟ์ 1 ที่โตเกียวและไอจิเมืองละ 2 รอบการแสดง รวมเป็น 4 รอบการแสดง ถ้าใครสนใจดูการแสดงผ่านระบบไลฟ์สตรีมก็รอติดตามข่าวสารได้จากทางทวิตเตอร์ออฟฟิศเชียลของตัวโปรเจกต์หรือเว็บไซต์ฮาสึโนะโซระค่ะ
การแสดงรอบโตเกียวจะจัดในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 18-19 พ.ย. 2023 ส่วนรอบไอจิจะจัดในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ 25-26 พ.ย. 2023 ราคาบัตรไลฟ์สตรีมต่อรอบอยู่ที่ 5,330 เยน (รวมค่าดำเนินการต่างๆ) ถ้าใครสะดวกและมีกำลังซื้อก็มาสนับสนุนเด็กๆ กันนะคะ
ส่วนวันนี้ก็ควรลาแล้วเพราะเมื่อยมือแล้วค่ะ ไว้พบกันใหม่เมื่อเราอยากเขียนอะไรยาวๆ นะคะ ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบอีกครั้งค่ะ♡