Seisho Music Academy Collaboration Event
奇異共演のリプロダクション
บุคคลที่ปรากฏตัวขึ้นขณะซ้อมละครเวทีรอบพิเศษเรื่อง “บันไดนภาลัย” ของโรงเรียนดนตรีเซโช
คือนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้บ้าคลั่ง โฮโออิน เคียวมะ!?
แม้ทุกคนจะสับสน แต่ก็สนใจสิ่งที่โฮโออิน เคียวมะ เอ่ยด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า
“ควรทำให้ละครโศกนาฏกรรมจบอย่างมีความสุข”
และแล้วม่านการแสดงละครร่วมกันสุดประหลาด
ของนักแสดงและนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้พานพบกันข้ามเส้นโลกนำพามาก็เปิดฉากขึ้น
天の階段 -บันไดนภาลัย-
เคียว (แคสต์: โฮชิมิ จุนนะ)
ริน (แคสต์: ไดบะ นานะ)
โฮ (แคสต์: เทนโด มายะ)
ทาโร่ (แคสต์: ไอโจ คาเรน)
ผู้รับใช้นภา (แคสต์: ฮานายางิ คาโอรุโกะ)
เคียวมะ: ระ เรียกใครว่าลุงฮะ!!!!!! ฉันคือคุณพี่ ไม่สิ… ฉันคือผู้ทำลายโครงสร้างของโลกใบนี้ทิ้ง นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องผู้บ้าคลั่ง โฮโออิน เคียวมะ ยังไงล่ะ!!!
แน่นอนว่าเห็นคนประหลาดขนาดนี้จะปล่อยให้อยู่นานๆ คงไม่ดี จุนนะบอกอาเมมิยะว่าเราควรเรียกอาจารย์มาหิ้วตัวออกไป แต่เคียวมะก็บอกว่าช้าก่อนพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู
เคียวมะ: “นี่ฉันเอง…! หมายความว่ายังไง มันควรตกลงล่วงหน้าเสร็จไปแล้วสิ!! อะไรนะ สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว!? ช่วยไม่ได้ ฉันจะจัดการเรื่องทางนี้เอง… อืม ทุกอย่างล้วนดำเนินไปตามประสงค์แห่งสไตนส์เกท เอล ไซ คองกรู…”
เด็กเซโชงงกว่าเดิม หยิบโทรศัพท์มาแล้วคุยกับใครไม่รู้ไม่พอ ยังพูดอะไรแปลกๆ ออกมาอีกต่างหาก แต่เคียวมะก็ถามถึงบทละครอันแสนโมเอะที่สมาชิกแล็บเป็นคนเขียนขึ้นว่าลองแสดงแล้วเป็นยังไงบ้าง รู้สึกอะไรบ้างไหม จึงหาตัวคนร้ายได้แล้วว่าคนที่เปลี่ยนบทละครของจุนนะคือเคียวมะนี่เอง แน่นอนว่าเคียวมะโดนเด็กๆ ตำหนิหนักประมาณหนึ่ง
เคียวมะ: ถ้าอย่างนั้นละก็ แม่สาวน้อยใส่แว่น!!
จุนนะ: เอ๊ะ ฉันเหรอ!?
เคียวมะ: นอกจากเธอแล้วมีคนอื่นด้วยเหรอ หัวหน้าห้องใส่แว่น… เธอคิดยังไงกับการจบแบบแฮปปี้เอนด์?
จุนนะ: หน็อย…อยากปฏิเสธก็จริง แต่ทั้งเรื่องที่เป็นหัวหน้าและใส่แว่นก็จริงซะด้วยสิ…
เคียวมะ: ช่างมันแล้วตอบมาเถอะน่า!!!! ฉันถามอยู่นะว่าเธอคิดยังไงกับจบการแบบแฮปปี้เอนด์!
จุนนะ: …ถ้าหมายถึงประเภทของเรื่องราวก็ชอบนะคะ
เคียวมะ: ใช่ไหมล่ะ! ถ้าอย่างนั้นแล้วทำไม “บันไดนภาลัย” ถึงเป็นละครโศกนาฏกรรมล่ะ!! ไม่ต้องมาทำเฉไฉ ฉันพูดถึงละครเวทีอยู่นั่นแหละ!! เรื่องราวของ ‘ริน’ ผู้เป็นตัวเอก คือผู้เคราะห์ร้ายที่เดินขึ้นบันไดนภาลัยและ ‘เป็นดวงดาว’ เพื่อช่วยเหลือโลก… ถึงจะใช้คำสวยหรูอย่างคำว่า ‘เป็นดวงดาว’ เพื่อกลบเกลื่อน แต่ก็เป็นแค่เหยื่อสังเวยไม่ใช่หรือไง! กล้าพูดเหรอว่านี่คือความสุขที่แท้จริงของรินที่สังเวยตนเพื่อโลกและพวกพ้องที่ยืนส่งริน! จะไปได้ยังไงล่ะ!! แล้วก็…ถ้าเป็นเรื่องราวสมัยก่อนก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คือเรื่องในยุคอนาคตอันใกล้ใช่ไหมล่ะ!! ถ้าอย่างนั้นก็ควรใช้ปัญญาอันหลักแหลมเผชิญหน้ากับความไร้เหตุผลนั้นสิถึงจะสมเหตุสมผล!! ทำไมถึงไม่เผชิญหน้าซะล่ะ!!
ฝั่งนักแสดงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมเคียวมะถึงอินขนาดนี้ บทละครเพิ่งเสร็จวันก่อนแท้ๆ แต่กลับเข้าใจเรื่องละเอียดยิบ นานะจึงถามว่าเคียวมะอยากให้ละครเรื่องนี้จบสวยเหรอ เคียวมะจึงตอบว่าเรื่องราวเขียนถึงการเสียสละให้ดูดีเหมือนคำสอนทางศาสนา แต่สรุปแล้วมันคือการผลักภาระทุกอย่างให้เด็กเป็นแพะรับบาปแทน คิดว่าคนเขาหวังฉากจบเศร้าๆ กับความไร้เหตุผลกันหรือไง
อาเมมิยะกับมาไซที่เป็นฝ่ายเขียนบทเถียงกลับไปบ้างว่าเนื้อเรื่องไม่ได้มีแค่นั้น แต่เรื่อง “บันไดนภาลัย” มีทั้งความงามของการเสียสละ และอนาคตที่ฝากฝังไว้ เป็นเรื่องราวที่บอกถึงความล้ำค่าของการที่มีเช้าวันใหม่มาถึง
เคียวมะ: …แล้วมนุษย์ทุกคนจะตีความได้อย่างนั้นหรือไง?
คราวนี้มายะอธิบายว่าการตีความที่ฝ่ายเขียนบทว่ามามันก็เป็นการตีความรูปแบบหนึ่ง ปกติเราตีความละครเวทีหรือเรื่องราวด้วยความรู้สึกหรือประสบการณ์ส่วนบุคคลอยู่แล้ว ซึ่งบางทีก็เป็นสิ่งที่ผู้สร้างคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ คาโอรุโกะก็อธิบายเสริมเหมือนกันว่าเวลาตีความแล้วเราโฟกัสใคร มุมมองมันก็จะเปลี่ยนไปตามนั้นแหละ ถึงจะเป็นละครโศกนาฏกรรม แต่ก็มีคนที่ได้รับการช่วยเหลือจากการรับชมเรื่องราวแบบนั้นเหมือนกันนะ
เคียวมะ: ถ้าอย่างนั้นถึงรินจะมอบชีวิตตัวเองแล้วกลายเป็น ‘ดวงดาว’ ก็ไม่เป็นไรงั้นเหรอ!? กล้าพูดหรือไงว่ารินกับเคียวได้ลองท้าทายทุกความเป็นไปได้ พยายามอย่างเต็มที่ต่อพระเจ้าและโลกที่ไร้เหตุผลจนไม่มีทางแล้วน่ะ!? ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก!! ใช่ ใช่แล้ว…ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่! ใช่ไหมล่ะ Banane!! (คำว่ากล้วยภาษาฝรั่งเศส)
ทุกคนงง แต่เคียวมะก็ดูไม่ยอมสักที ถึงขั้นบอกให้ตัวเองไปโผล่ในละครด้วยเลยก็ได้ พร้อมกับพูดประโยคเด็ดจากเรื่องสไตนส์เกทว่า “สิ่งที่บ้าคลั่งไม่ใช่ฉัน แต่เป็นโลกใบนี้ต่างหาก ฉันจะเปลี่ยนโลกที่บ้าคลั่งและธรรมเนียมปฏิบัติให้เห็นเอง!!” แถมยังท้าคาเรนไปว่าจะต่อบทยังไงล่ะ Actor Crown
ถึงเพื่อนจะห้ามไม่ให้ยุ่งกับคนน่าสงสัย แต่คาเรนก็ต่อบทกลับไป
คาเรน (ทาโร่): “พะ พูดจริงเหรอ!? พวกเราไม่ต้องเป็น ‘ดวงดาว’ ก็ได้จริงๆ เหรอ!? ผมเคยคิดตอนที่เพื่อนกลายเป็น ‘ดวงดาว’ นะ ว่าที่เศร้าถึงขนาดนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องน่ะ!”
มายะ (โฮ): “แต่ว่าน้า~~ ถ้าอย่างนั้นควรทำยังไงล่ะ ถ้าไม่มีใครเป็น ‘ดวงดาว’ ที่นี่ก็จะย่ำแย่จนไม่มีใครอาศัยอยู่ได้นะ พวกเราออกไปจากที่นี่ไม่ได้นี่นา~~?”
เคียวมะ: หึหึหึ… คิดว่าโฮโออิน เคียวมะผู้นี้จะพูดโดยไม่คำนึงถึงโอกาสที่จะชนะเลยงั้นรึ!? เตรียมหุ่นปลอมของรินไว้หลอกพระเจ้ากันเถอะ! ถ้ามีทักษะของฉันคนนี้ละก็เป็นเรื่องหวานหมูเชียวล่ะ
คาโอรุโกะ (ผู้รับใช้นภา): “อย่าพูดตามอำเภอใจได้ไหมคะ มันคือคำสัญญาเพื่อปกป้องระเบียบของโลกนะคะ…! คุณจะทำเป็นว่าการสละตนของเด็กๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำไปมาจำนวนมากไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนหรือไงคะ!?”
เคียวมะ: หืม การสละตนเรอะ? ช่างเป็นผู้รับใช้นภาที่พูดจาเอาแต่ได้อย่างเดียวเลยนะ!! ดูเหมือนว่าแกจะเป็น A.I. ที่คอยจัดการและเฝ้ามองธรรมเนียมการปฏิบัตินี้สินะ ไม่เคยคิดสงสัยในตัวตนหรือการกระทำของตนเองบ้างเลยหรือไง? แกเห็นร่างของเด็กที่สละชีพมาเป็นพันๆ คนแล้วนี่! ทำไมถึงยังไร้หัวใจอย่างนั้นได้อีกล่ะ?
คาโอรุโกะ (ผู้รับใช้นภา): “เรื่องนั้นก็… เพราะว่าเราถูกสร้างขึ้นมาแบบนั้น…”
เคียวมะ: เหอะ จุกเลยใช่ไหมล่ะ! เอาล่ะ รินเอ๋ย อย่าได้ลังเลไปเลย…ร่วมมือกับฉันคนนี้ซะเถอะ!!
นานะ (ริน): “ฉะ ฉัน…ฉันน่ะ…ชอบ ‘รุ่งอรุณ’ ที่เอ่ยอรุณสวัสดิ์พร้อมกับทุกคนได้… เพราะฉะนั้นต้องมีใครสักคนกลายเป็น ‘ดวงดาว’…”
จุนนะ (เคียว): “…แต่ว่านะริน… ที่ตรงนั้นไม่ได้มีฉันและเธออยู่ด้วยนะ? ”
เคียวมะเสนอว่าจะให้ดารุเป็นคนเขียนระบบของผู้รับใช้นภาทับระบบเดิม ถ้าทำแบบนี้แล้วผู้รับใช้นภาก็จะเป็นอิสระ จะให้ทำตามจิตที่ตระหนักถึงความผิดชอบชั่วดีแล้วมาอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกตนก็ย่อมได้
ขณะที่เคียวมะยังพูดไม่จบ อาจารย์ประจำชั้นพวกคาเรนก็มาตามจับบุคคลน่าสงสัยอย่างเคียวมะ แต่เจ้าตัวกระโดดหนีออกทางหน้าต่าง พร้อมประกาศกร้าวว่าตัวเองยังไม่ยอมแพ้ ต่อให้ต้องย้อนกลับมาอีกกี่ครั้งก็จะทำให้ละครเวทีเรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอนด์
ถึงทุกคนจะเพลินกับการกระทำเมื่อสักครู่ แต่มาไซกับนานะกลับคาใจอะไรบางอย่าง จนนานะขอแยกออกไปสูดอากาศข้างนอกคนเดียว