เพื่อนสักคน: อ้าว มิลกี้โฮล์มสมีไฟนอลไลฟ์แล้ว
ความรู้สึกแรกจากที่ได้ฟังก็คือใจหายนิดๆ หรือก็ไม่นิด จากที่เคยไปดูไลฟ์ของมิลกี้โฮล์มสมาในปี 2016 ที่มาคุฮาริเมสเสะ จังหวัดจิบะ ทีนี้พอผ่านมา 2 ปี มิลกี้โฮล์มสที่เป็นยูนิตที่ผมฟังอยู่เป็นพักๆ เนื่องจากสไตล์เพลงค่อนข้างถูกจริต ก็จำเป็นต้องยุติบทบาทลงในปีที่ 10 ของวง (มิลกี้โฮล์มสคือใคร? เป็นยูนิตแบบไหน?? สามารถคลิกดูได้ด้านล่างนี้ และรีพอร์ตคราวก่อนเป็นอย่างไร สามารถติดตามได้ในซีรีส์ ญี่ปุ่นไปดูไลฟ์)
รายละเอียดของมิลกี้โฮล์มสยูนิต
มิลกี้โฮล์มส (Milky Holmes, ミルキィホームズ) เป็นยูนิตเซย์ยูที่ฟอร์มทีมกันขึ้นมาจากอนิเม ทันเทย์โอเปร่ามิลกี้โฮล์มส (Tantei Opera Milky Holmes, 探偵オペラ ミルキィホームズ) อันป็นมีเดียมิกซ์ของบริษัทจำหน่ายเทรดดิ้งการ์ดเกมบูชิโรด (Bushiroad, ブシロード) ประกอบไปด้วยทั้งเรดิโอดราม่า, อนิเมชั่นทั้งทีวีซีรีส์และมูฟวี่, มังงะ, วิชชวลโนเวลเกม และรายการวาไรตี้ทีวี เนื้อเรื่องเกี่ยวกับกลุ่มนักสืบสาวๆ วัยเรียนต๊องๆ ทั้ง 4 คนที่คอยใช้ “ทอยส์ (トイズ)” พลังพิเศษเหนือมนุษย์ คอยรับมือกับอาชญากรต่างฟ ในเมืองโยโกฮาม่าของประเทศญี่ปุ่น โดยทั้ง 4 คนประกอบด้วย
- เชอร์ล็อค เชริงค์ฟอร์ด, ชาโระ (シャーロック・シェリンフォード) ลีดเดอร์ของกลุ่ม บุคลิกสดใสร่าเริง (CV: มิโมริ สุซุโกะ (三森 すずこ) หรือมิโมริน)
- ยูซุริซากิ เนโร่ (譲崎 ネロ) ตัวละครปากเสียที่มักจะกินอุไมโบตลอดเวลา ใส่กางเกงอยู่คนเดียวในกลุ่ม (CV: โซระ โทคุอิ (徳井 青空) หรือโซระมารุ)
- เอลล์คิว บาร์ตัน, เอลี่ (エルキュール・バートン) สาวน้อยขี้อายแต่จอมพลังประจำกลุ่ม ชอบคิดลึกมากกว่าปกติ (CV: ซาซากิ มิโคอิ (佐々木 未来) หรือมิโครอน)
- คอร์เดเลีย เกลอคา (コーデリア・グラウカ) ไทป์พี่สาว ผมทอง ชอบพูดจาเสียงแปลกๆ เหมือนโอเปร่า มักจิ้นกันเองระหว่างคนในกลุ่ม (CV: คิตตะ อิซุมิ (橘田いずみ) หรืออิซุซามะ)
โดยเนื่องจากเป็นมีเดียมิกซ์ ฉะนั้นเพลงประกอบในมีเดียทั้งหมดที่กล่าวมา (รวมถึงไปแจมในอนิเมอื่นๆ ของบูชิโรด) จึงทำการร้องโดยเซย์ยูทั้ง 4 เองนั่นล่ะ
และนอกจากทั้ง 4 คนที่เป็นเมนคาแรคเตอร์แล้ว ในไลฟ์ครั้งนี้ก็ได้ประกาศเกสถึง 5 คนด้วยกัน ซึ่งทั้ง 5 คนนี้ต่างก็เป็นคาแรคเตอร์และผู้ให้เสียงหลักๆ ในแต่ละภาค (และเกม) เช่นกัน
- เมียวจินคาว่า อลิซ (明神川 アリス) รุ่นน้องเฟเธอร์ส ไทป์น่ารัก (CV: อิโต้ อายาสะ (伊藤 彩沙))
- โทคิวะ คาซึมิ (常盤 カズミ) รุ่นน้องเฟเธอร์ส ไทป์โดนแกล้ง (CV: เทราคาว่า ไอมิ (寺川 愛美) หรือไอมิน)
- โคบายาชิ โอเปร่า (小林 オペラ) อาจารย์สอนใช้ทอยส์ของเหล่ามิลกี้ (CV: ชูตะ โมริชิมะ (秀太 森嶋) หรือโมริชี่)
- อาร์เซน (アルセーヌ) จอมโจรสองหน้า หน้าหนึ่งเป็นประธานนร.สุดเฉียบ (CV: อาเคซากะ ซาโตมิ (明坂 聡美) หรืออาเกะซัง)
- อาเคจิ โคโคโระ (明智小衣) ตำรวจอัจฉริยะ ไอคิวมหาศาล แต่เป็นซึนเดเระ แล้วก็ไม่ชอบโดนเรียกว่าโคโคโระจัง (CV:นันโจ โยชิโนะ (南條愛乃) หรือนันจัง)
สำหรับไลฟ์คอนเสิร์ตในครั้งนี้นั้นมีชื่อว่า “มิลกี้โฮล์มสไฟนอลไลฟ์ Q.E.D (ミルキィホームズ ファイナルライブ Q.E.D.)” ก็สมเป็นไลฟ์สุดท้ายของยูนิตไอดอลนักสืบดี เพราะ Q.E.D อันเป็นภาษาลาตินนั้นแปลเป็นไทยด้วยภาษาเชิงคณิตศาสตร์ได้ว่า “ซึ่งต้องพิสูจน์” อันเป็นคำที่ดูเหมาะดี ต้องไปพิสูจน์อะไรกันนะ (?) ทั้งนี้จัดเพียงแค่ 1 วันเท่านั้นคือวันที่ 28 มกราคม 2019
ก็เลยตัดสินใจกับเพื่อนๆ ว่ายังไงก็คงต้องมาดูแล้วหละ ก็จัดแจงให้แพตตี้ช่วยใช้สิทธิ์ของการเป็นสมาชิกแฟนคลับช่วยลุ้นตั๋ว แต่ก็ยังต้องใช้บริการของเว็บลุ้นหวยสุดเร้าใจที่ทุกคนคุ้นเคยแบบ e+ (http://eplus.jp) ที่จำเป็นต้องใช้เบอร์ญี่ปุ่นยืนยัน ผ่านไปสักพักก็รู้ผลว่าถูกตั๋วจำนวน 4 ใบ เอาล่ะ จุดเริ่มต้นของรีพอร์ทนี้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
แต่ก่อนจะไปถึงขั้นนั้นขอพักขอบคุณคุณนัทที่ช่วยเป็นธุระจ่ายเงินค่าตั๋วที่ญี่ปุ่นผ่านทางแฟมิลี่มาร์ทให้ (ใบละ 8,640 เยน ไม่รวมค่าเซอร์วิส) โดยแทบไม่คิดค่าดำเนินการ ถ้าไม่ได้คุณนัทพวกเราอาจจะต้องลำบากและจ่ายเงินมากกว่านี้ ขอบพระคุณมากจริงๆ ครับ
หลังจากพวกเราถึงญี่ปุ่นในหน้าหนาวจัดๆ กันเรียบร้อยก็จัดการออกตั๋วกันที่แฟมิลี่มาร์ท กดได้ไม่ยากนักมีวิธีบอกอยู่ในใบเสร็จเป็นขั้นให้กดตาม บวกกับจ่ายดำเนินการเพิ่มเติมเล็กน้อยซัก 432 เยน (เลขสวยจัง) สุดท้ายก็นำมาถึงช่วงเวลาที่ต้องลุ้นที่นั่งที่จะได้รับชมในคราวนี้ และผลที่ได้นั้น
ได้อารีน่า!? แถวที่ 10 จากหน้าเวที.. ถ้าจะดีกว่านี้ก็ต้องติดเวทีแล้วครับ โดยเฉพาะสำหรับฮอลล์ที่ไม่ใหญ่มากในครั้งนี้ ไม่รู้จะดีใจยังไง ในคราวแรกที่อ่าน ก็เอ.. อ่านผิดรึเปล่า อะรินะ อะรินะ.. อะรินะบ้าอะไรเล่านั่นมันอารีน่ามั้ย อยู่ในหลุมมั้ย!!! ดีใจจนแทบลืมอากาศหนาว (← โกหกค่ะ โดนลมหนาวพัดจนหน้าสั่นอยู่ดี by แฮปปุยที่มาตรวจทานคำผิด)
แต่แม้จะดีใจขนาดไหนมันก็มากับความหนักนิดๆ ว่ามันเป็นไลฟ์ที่อาจจะไม่ได้ยิ้มเต็มปากหลังจากดูเสร็จก็ได้ แล้วหลังจากดูจบก็จะไม่ได้ดูอีกแล้วนะ มันเป็นความดีใจที่มีความหน่วงซ่อนอยู่เล็กๆ ครับ
นิปปอนบูโดคังที่เคยได้ยิน กับบรรยากาศหน้าคอนครั้งสุดท้าย
ใช่แล้ว ฮอลล์ที่จัดในคราวนี้อยู่ที่ นิปปอนบูโดคัง (Nippon Budokan, 日本武道館) ฮอลล์ชื่อดังที่มักจะขึ้นชื่อในเรื่องของการเป็นจุดมุ่งหมายแรกของวงไอดอล วงดนตรี ศิลปิน ขนาดไม่ใหญ่นักแต่เรียกได้ว่าขลัง เดินทางมาไม่ยาก เพียงลงสถานีคุดันชิตะ หรือสถานีจิมโบโช ก็เดินมาได้โดยไม่ลำบากนัก
เพียงแค่ว่าตอนเดินมาเนี่ยมันมีเนินลาดเอียงเล็กๆ ให้ได้ท้าทายการเดินกันเล็กน้อย ที่แน่ๆ คือระหว่างทางที่มาก็เจอมิลเกี้ยนเป็นระยะ (มิลเกี้ยน = กลุ่มแฟนของมิลกี้โฮล์มส) เดินๆ ตามมาเดี๋ยวก็ไปถึงบูโดคังได้เอง
พอเดินขึ้นเนินไปเรื่อยๆ ก็ได้เห็นยอดหลังคาของบูโดคังที่เป็นสีทองอยู่ไกลๆ ตื่นเต้นเล็กน้อยเพราะไม่เคยมา อากาศที่หนาวและแห้งทำให้ฟ้าไม่ใสแบบที่ควร
สุดท้ายก็มาถึงป้ายทางเข้า สวนสาธารณะคิตะโนะมารุ (Kitanomaru Park, 北の丸公園) ที่เป็นทางเข้าแล้ว โดยจริงๆ ก็คือบูโดคังอยู่ในสวนนี้นั่นเอง (ตอนแรกก็งงๆ ว่าต้องเดินเข้าไปในนี้เหรอ) ในบริเวณนี้ไม่ได้มีตึกรามบ้านช่องใหญ่ๆ เท่าไรเลย มีเพียงศาลเจ้ายาสุคุนิ (Yasukuni Shrine, 靖国神社) ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเท่านั้นเอง อาจจะเพราะบริเวณนี้อยู่ในเขตจิโยดะที่ใกล้กลับพระราชวังอิมพีเรียลก็เป็นได้
หลังจากเข้ามาหน้าบูโดคังได้ไม่นาน แวะชื่นชมกับบรรยากาศของฮอลล์ แล้วก็ได้พบกับบรรยากาศที่คุ้นตาเช่น ซุ้มขายของ (บูชิโรดเจ้าเก่า) ก็มารับบัตรคิวและแคตาล็อกสินค้ากันตามระเบียบ เอ๊ะ แต่เมื่อเดินมาสักพักได้พบว่ามีส่วนของซุ้มสินค้าที่ไม่ต้องรับบัตรคิวด้วยหละ โดยในส่วนที่ไม่ต้องรับบัตรคิวก็จะมีพวกซีดีเพลง, หนังสือต่างๆ, อัลบั้มภาพโบรไมด์พิเศษของมิลกี้โฮล์มสไฟนอลไลฟ์แบบแยกรายคน, จุดแลกโปสเตอร์และซีดี Glitter*Green (เป็นยูนิตมิลกี้ที่ไปเนียนในแบงดรีมภาคอนิเม) อะไรแบบนี้
อันที่น่าเสียใจอย่างร้ายกาจคืออัลบั้มภาพโบรไมด์พิเศษนี่ล่ะ อุตสาห์แยกเป็นรายคนแท้ๆ แต่เล่มของอิซุซามะ (หรือคิตตะซัง โอชิของผู้เขียน) กลับหมดซะแล้ว ; 3 ; ทั้งๆ ที่น่าจะความนิยมไม่เท่าคนอื่น หรือว่าพิมพ์มาน้อยกว่ากันนะ เลยซื้อแบบรวมทุกคนมาเป็นที่ระลึก เนื่องจากน่าจะหาไม่ได้อีกแล้ว
หลังจากเดินชมบรรยากาศเล็กน้อยก็มานั่งรอกันที่สวนด้านข้าง ที่นี่เป็นสวนสาธารณะที่ค่อนข้างใหญ่โตและสงบดีทีเดียว บรรยากาศก็ดูเหมาะสมที่จะมานั่งเย็น (เขียนว่าเย็น อ่านว่าหนาวมาก) เหล่าแฟนของมิลกี้โฮล์มสก็ดูครึกครื้นกันดี มีคอสเพลย์ประปราย มีชิมะจัง (ม้าลาย) ของแท้จากทีมงานมาปรากฏตัวเพื่อถ่ายทำรายการอะไรสักอย่างด้วย (น่าจะเป็นของแถมในแผ่นบันทึกการแสดงในภายหลัง)
ได้เจอกับคุณป๊อปโป้สเตท (@poppostate) เพื่อนแพตตี้ที่เคยเจอและฟอลกันในทวิตตั้งแต่เมื่อคอนที่แล้ว เลยถือโอกาสให้โบรไมด์ถ่ายเองของเซย์ยูมิลกี้แต่ละคนไป 2 เซ็ต แล้วก็ได้ของฝากมากมายกลับมาเช่นเดิม (ของกินล้วนๆ) หลายอย่างก็น่าสนใจ เช่น ลูกอม 4 สี, โยคังรสส้มสีเหลืองสดใส อะไรแบบนี้
ผมเองพูดภาษาญี่ปุ่นไม่ได้ แต่ก็พอจะเข้าใจว่าคุณป๊อปโป้เขาชอบมิลกี้ฯ ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหมจากนี้ แต่ถ้ามีโอกาสเจอกันอีกอาจจะหาของกินเผ็ดร้อนมาฝากเขาบ้างดีกว่า
อีกสักพักก็ได้เวลาต่อคิวซื้อของหน้าคน โดยลักษณะในการเรียกรวมพลในคราวนี้ก็จะดูจากบัตรคิวที่ได้รับตอนแรก แล้วใช้การเรียกเป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่ม A1 ~ A9 มารวมกันนะ แล้วเดินเข้าไปซื้อของทีละแถว ซึ่งการเรียกรวมในคราวนี้ไม่ได้จัดคิวละเอียดแบบตอนที่มาซื้อของหน้าคอนในครั้งที่แล้ว ดูเข้าใจง่ายกับไกจินกว่ามากมาย
ของหน้าคอนส่วนที่ต้องต่อคิวนี้ก็ได้ซื้ออยู่ไม่กี่อย่าง เช่น เข็มกลัด, สลีฟการ์ดแวนการ์ด, แฟ้ม, แบดจ์ผ้าชื่อคอน เป็นต้น ซึ่งตามจริงอยากจะได้แท่งไฟสักหน่อย แต่ว่าหมดก่อนเลยอดไปโดยปริยาย พอซื้อของกันเสร็จแล้วก็ประจวบเหมาะกับมีกล่องหย่อนของขวัญโผล่มาแล้ว เลยเอาของขวัญที่เตรียมไว้ให้สาวๆ ไปหย่อนกัน ในปีนี้ผมเอาโบรไมด์ขนาดใหญ่ (A4) ที่เคยได้ถ่ายไว้เมื่อตอนแต่ละคนมาไทย มาวาดรูปสมาชิกมิลกี้โฮล์มสแบบอนิเมใส่ลงไปแล้วก็ยัดแฟ้มไปให้ แต่เสียดายแค่ว่ามิโมรินไม่ได้มาไทยในงานที่สามารถถ่ายรูปได้ (แบบสมาชิกคนอื่นๆ) คอลเลคชั่นนี้เลยไม่สมบูรณ์ไปโดยปริยาย โฮ
ที่แอบขำคือเห็นในกล่องของขวัญของมิโมรินมีคนแนบแผ่นแปะคลายกล้ามเนื้อให้ไปด้วย ดูเป็นความห่วงใยที่มีให้กัน
นอกนั้นก็เป็นการเดินเล่นดูสแตนด์ดอกไม้หน้าคอนที่มีเยอะแยะ สวยงามกันไปหมด แวะถ่ายมารวมเอาไว้
เสร็จกิจกรรมในช่วงนี้ แต่เวลาเข้าคอนฯ อยู่ที่ 17:30น. จึงใช้เวลาด้วยการไปเดินเล่นศาลเจ้าในบริเวณนี้ ประกอบกับกินข้าวเตรียมตัวก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้งเมื่อถึงเวลาเย็นย่ำ ช่วงนี้ก็ได้เวลาเก็บกล้องเข้ากระเป๋าก่อนแล้วด้วยเนื่องจาก.. หาล็อกเกอร์ในบริเวณนี้ไม่เจอเลย ไม่รู้จะฝากที่ไหน ก็หิ้วมันเข้าคอนไปด้วยเลยละกันแบบพะรุงพะรังเล็กน้อย ยิ่งมีเสื้อโค้ทหนาด้วย ทำให้ค่อนข้างรู้สึกว่ากล้องเกะกะขึ้นมา
โดยเมื่อมาหน้าฮอลล์ช่วงใกล้จะเปิดให้เข้าไปนั่ง ก็จะมีการขานแถวแล้วให้มารวมกันเตรียมเข้า พวกเราที่อยู่ในเขตอารีน่าก็เหมือนว่าจะได้รับการเรียกเป็นอันดับต้นๆ เลย มาตอนนี้ก็มีแต่คำว่าตื่นเต้นวนไปในหัว พอเข้าไปก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปอีก เพราะบรรยากาศของฮอลล์มันค่อนข้างกระแทกใจมาก ความขลังของฮอลล์ที่ค่อนข้างเก่าจนเป็นตำนาน หลังคาโดมจากด้านในที่ไล่เป็นระดับชั้น บรรยากาศของเวทีไม่ใหญ่มากแต่ดูสวยงาม และสุดท้ายความใกล้… ความใกล้ระดับที่คิดวนไปว่าอาจจะใช้ดวงหมดไปแล้ว เพราะห่างจากเวทีแค่ 10 แถวเท่านั้น
พอจัดแจงของวางยัดใต้เก้าอี้เสร็จ เปิดดูของแถม (ที่ได้รับตอนเข้าฮอลล์) ก็พบว่าเป็นหนังสือพิมพ์เฉพาะกิจ 「THE MILKY PAPER Q.E.D.」ที่รวบรวมประวัติ 10 ปีของมิลกี้โฮล์มส พร้อมบทสัมภาษณ์เซย์ยูแต่ละคน นับว่าเป็นของแถมที่ดูดีและมีคุณค่าเลยทีเดียว หน้าตาของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวลองดูได้จากทวิตด้านล่างนี้
✨本日開催! 『ミルキィホームズ ファイナルライブ Q.E.D.』!!
武道館とライブ・ビューイング会場の入場特典で配布された「THE MILKY PAPER Q.E.D.」!!ミルキィ10年史や、キャストのファイナルに懸ける想いが綴られております。ぜひ開演前にご熟読ください!! pic.twitter.com/D1C7rUhNcl
— 月刊ブシロード公式@月ブシ毎月8日発売 (@gekkanbushi) January 28, 2019
และเมื่อไฟในเวทีหรี่มืดลง ก็ได้เวลาเปิดการแสดงครั้งสุดท้ายของมิลกี้โฮล์มสยูนิต
รีพอร์ตความประทับใจและเซ็ตลิสท์จากไฟนอลไลฟ์
เนื่องจากการถ่ายภาพขณะไลฟ์เป็นสิ่งต้องห้าม ฉะนั้นภาพทั้งหมดจะได้มาจากสื่อทางการหรือช่องทางกระจายข่าวสารของทางออฟฟิศเชียล ในที่นี้ได้นำภาพมาจากลิงก์นี้ เพื่อการอ่านรีพอร์ตที่มีอรรถรสและลื่นไหลมากขึ้น
ทั้งนี้ขออนุญาตใช้ชื่อเพลงเป็นโรมันจิ (ส่วนชื่อเพลงเป็นญี่ปุ่นอยู่ในแท็บเซ็ตลิสต์ด้านล่างนี้) เพื่อความสะดวกและสากลในการรีพอร์ตครับ
เซ็ตลิสต์มิลกี้โฮล์มสไฟนอลไลฟ์ Q.E.D
ไลฟ์นี้มีทั้งหมด 30 เพลง 5 อังกอร์ รวมเวลาแสดงทั้งหมดประมาณ 160 นาที
- 正解はひとつ!じゃない!! (Seikai wa Hitotsu! Janai!!)
- ナゾ! ナゾ? Happiness!! (Nazo! Nazo? Happiness!!)
- びよんどTHEミルキィウェイ (Beyond THE Milkyway)
- ミルキィ A GO GO (Milky A GO GO)
- ミルキィ100ワ-ルド (Milky 100 World) (สั้น)
- 恋の調査報告書 (Koi no Chousa Houkokusho) (สั้น)
- 総天然色フルパワー (Soutennenshoku Fullpower) (สั้น)
- SU☆PA☆PA☆スター (SU☆PA☆PA☆Star) (โซระ โทคุอิ – โซโล, สั้น)
- ヒロイン探偵物語 (Heroine Tentei Monogatari) (ซาซากิ มิโคอิ – โซโล, สั้น)
- 偉人先人 Oh, Hero!! (Ijin Senjin Oh, Hero!!) (มิโมริ ซุสุโกะ – โซโล, สั้น)
- 禁断サンクチュアリ (Kindan Sanctuary) (คิตตะ อิซุมิ – โซโล, สั้น)
- ミルキィホームズがやって来る、イエィ!イエィ!イエィ! (Milky Holmes ga Yattekuru, Eey! Eey! Eey!)
- Reflection (สั้น)
- オーバードライブ! (Overdrive!) (สั้น)
- 勝利ノキズ (Shouri no Kizuna)
- ぐろーりーぐろーいん☆DAYS (Glory Glowing ☆DAYS)
- ピンチにパンチ (Pinch ni Punch) (สั้น)
- セイシュンビギナー (Seishun Beginner) (เฟเธอร์ส)
- ANSWER (ชูตะ โมริชิมะ – โซโล)
- Brilliant Wish ~華麗なる欲望~ (Brilliant Wish ~Karei Naru Yokubou~) (อาเคซากะ ซาโตมิ – โซโล)
- こちらミルキィホームズ! (Kochira Milky Holmes!) (สั้น)
- みるみるUPっぷ↑↑ (Miru Miru UPpp↑↑) (สั้น)
- カラフル with you (Colorful with you) (สั้น)
- いつだってサポーター! (Ittsudatte Supporter!) (สั้น)
- ココロノエデン (Kokoro no Eden) (นันโจ โยชิโนะ – โซโล)
- プロローグは明日色 (Prologue wa Ahita Iro)
- ミルキィ tea time (Milky tea time)(สั้น)
- Day by Day ~キミと一緒に (Day by Day~Kimi to Issho ni) (สั้น)
- 毎日くらいまっくす (Mainichi Climax)
- バイバイエール! (Bye Bye Yell!)
- (อังกอร์ – 1) ミルキィアタック (Milky Attack)
- (อังกอร์ – 2) 聞こえなくてもありがとう (Kikoenakutemo Arigatou) (เซอร์ไพรส์วิดีโอ)
- (อังกอร์ – 3) 雨上がりのミライ (Ameagari no Mirai)
- (อังกอร์ – 4) そして、群青にとけていく (Soshite, Gunjou ni tokete Iku)
- (ดับเบิ้ลอังกอร์ – เพลงสุดท้าย) 正解はひとつ!じゃない!! (Seikai wa Hitotsu! Janai!!)
เพลง 1 ~ 3: “Seikai wa Hitotsu! Janai!!” → “Nazo! Nazo? Happiness!!” → “Beyond THE Milkyway”
เริ่มต้นด้วยเพลงคลาสสิค (ทำนองว่านึกถึงมิลกี้ก็ต้องเพลงพวกนี้แหละ) แบบเพลง OP ธีมของอนิเมภาคแรกและสอง แน่นอนว่าด้วยความที่เป็นเพลงประกอบอนิเมชั่นทำให้เพลงเหล่านี้กลายเป็นหนึ่งในเมนสตรีมของกรุ๊ปอย่างไม่ต้องสงสัย ยิ่งเป็นเพลงที่ไลฟ์กันมาตั้งแต่แรกด้วยแล้ว ทำให้การคอลของทั้งฮอลล์เป็นไปอย่างเร่าร้อนตั้งแต่เพลงแรก (คอลหนักและสนุกมากทั้งสองเพลงเลย) เหตุผลที่เข้าใจได้ของการใช้เพลง Seikai wa Hitotsu! Janai!! เป็นเพลงแรกก็เพราะมีคอล Q.E.D หลายๆ รอบ ที่ตรงกับไลฟ์นี้นี่เอง~~ ส่วนเพลง びよんどTHEミルキィウェイ อันเป็นเพลงใหม่ (?) ที่เหมือนจะเพิ่งใส่เข้ามาในอัลบั้ม Milky Parade !!!! (ミルキィパレード!!!!) ที่เพิ่งวางจำหน่ายในปี 2019 นี้เอง แต่ทุกคนก็ดูจะคอลกันได้อย่างคล่องพิกลๆ… (เหมือนว่าจะมีใส่ท่อนคอลมาในเนื้อเพลงด้วยนะ ฮา) ตอนจังหวะ M・I・L・K・Y !นับว่าชอบและมีความสนุกดี มีความสดใหม่ครับ หมดจากตรงนี้เป็นช่วง MC แรก ก็ทักทายกันเป็นอย่างปกติสุขและรอยยิ้ม ทักทายไลฟ์วิว รวมถึงปิดท้ายด้วยการรวมพลัง (โกโกพาวเวอร์ฟูลลลล——-) ก่อนเพลงต่อไปของมิโกรอนที่ค่อนข้างเข้มมาก (ตกใจเลย 55)
ลืมบอกว่าความใกล้ของเวทีในครั้งนี้นั้นใกล้มากจริงๆ เกือบจะใจหยุดเต้นเลย ได้เห็นสาวๆ ในระยะประชิดมาก อ้อ ลืมบอกไปว่าทั้ง 4 คนมาด้วยชุดนักสืบสี่สีเวอร์ชั่นปัจจุบัน ที่จะใส่ยาวไปตลอดช่วงจนกว่าเกสต์ฯ จะออกกันเลยทีเดียว
เพลง 4 ~ 7: “Milky A GO GO” → “Milky 100 World (สั้น)” → “Koi no Chousa Houkokusho (สั้น)” → “Soutennenshoku Fullpower (สั้น)”
ไม่รู้ผมคิดไปเองไหม (หรือติดฟิลเตอร์ติ่ง) แต่การแสดงสดของมิลกี้ถ้านับว่าเป็นเพลงเร็วที่ต่อๆ กันหมดแล้ว การควบคุมเสียงร้องของแต่ละคนบนเวทีก็จัดว่าดี (คงบอกว่าไม่ต่างกับแผ่นเลยไม่ได้) แต่ว่าก็อยู่ในโซนของไลฟ์ที่ร้องสดได้ดีในระดับหนึ่ง ในระลอกเพลงช่วงที่สองนี้แม้จะเป็นเพลงในเวอร์ชั่นสั้นถึงสามเพลง แต่จังหวะการเปลี่ยนถ่ายเพลงที่ต่อเนื่องทันทีก็ทำให้รู้สึกว่าโอเคได้เลยทีเดียว
ลืมเล่าว่าได้ฟัง Koi no Chousa Houkokusho เป็นครั้งแรกแบบสดๆ จากที่เคยฟังแต่แบบแห้งจากแผ่นมาหลายทีแล้ว (ตั้งแต่สมัยคอน Secret Garden) ส่วน Soutennenshoku Fullpower จัดว่าได้ฟังสดมาแล้ว 2 วันตั้งแต่คราวที่มาเมื่อ 2016 แต่ถ้านับว่าเป็นเวอร์ชั่นสั้นต้องได้นับว่าฟังครั้งแรกสิเนี่ย (!)
เพลง 8 ~ 12: “SU☆PA☆PA☆Star (โซระ โทคุอิ – โซโล, สั้น)” → “Heroine Tentei Monogatari (ซาซากิ มิโคอิ – โซโล, สั้น)” → “Ijin Senjin Oh, Hero!! (มิโมริ ซุสุโกะ – โซโล, สั้น)” → “Kindan Sanctuary (คิตตะ อิซุมิ – โซโล, สั้น)” → “Milky Holmes ga Yattekuru, Eey! Eey! Eey!”
ยังคงต่อเนื่อง โดยในเซคชั่นโซโลนี้เริ่มต้นด้วยเพลงจากโซระจัง เพลง SU☆PA☆PA☆Star ที่ร้องด้วยเนโรวอยซ์นี่ยังคง..ให้เอกลักษณ์แบบเล่นๆ กวนๆ เหมือนที่เป็น แต่ทุกอย่างนั้นลืมไปหมดเลยเหมือนโซระจังจู่ๆ ก็มีสลิงลอยลงมาจากเพดาน แล้วติดเข้ากับหลัง และใช่ มีการยก บิน ด้วย— ก็ยกสลิงบินไปร้องไปนั่นล่ะ แต่กว่าจะรู้ตัวอีกทีโซระจังก็โดนสลิงพาผลุบเข้าไปล่างเวทีแบบตลกๆ (ฮ่า) คงเพราะเป็นแบบเวอร์ชั่นสั้นด้วย และทันทีสายตาของทุกคนยังขำกับการผลุบหายไป ก็เข้าสู่เพลงโซโลของมิโกรอนที่มาพร้อมกับรถเข็นทุนต่ำด้านหลังพวกเรา (ใกล้มากๆ ใกล้มากๆ ระดับสามเมตร ใกล้กว่าที่เคยดูไลฟ์ที่สิงค์โปร์อีก ใกล้กว่านี้ก็ตอนรับลายเซนต์กับมือแล้ว!!!!) สำหรับเพลง Heroine Tentei Monogatari ถือว่าเป็นคิลลิ่งซองของมิโกรอนเลยนะ.. คือฟังมากี่ครั้งก็เป็นเพลงที่ดีมาก แสดงพลังเสียงในโซนที่พอเหมาะได้เยี่ยม
ต่อมาเป็นเพลงมวยไทย Ijin Senjin Oh, Hero!! ของมิโมริน ที่นางมาพร้อมกับ.. นวม นวมมวยไทยนี่ล่ะสมกับที่ชอบประเทศไทยแล้ว มาพร้อมกับลีลาการตั้งท่ารำมวยที่ดูแล้วจริงจัง… (?) จริงๆเพลงนี้ของมิโมรินนับว่าไม่ได้แสดงพลังเสียงเท่าไร แต่ดูนางจะชอบมากๆ และสุดท้ายเป็นเพลงของอิซุซามะ.. Kindan Sanctuary !!!!!!!!!!!!!! ผมงี้ตื่นเต้นเลยด้วยพลังอวย เพลงนี้จัดว่าสวยสุดๆ และเป็นการร้องที่สมเป็นเธอคนนี้มากสุดแล้ว (เอื้อนๆ แสดงพลังลูกคอ) และแม้ว่าจะได้รับบทพากย์เป็นตัวละครค่อนข้างบากะแต่ว่าความงดงามบนเวทีแบบใส่ผ้าคลุมและถือดอกกุหลาบสีน้ำเงินก็ทำให้สะกดคนดูได้เลยทีเดียว
จริงๆ ค่อนข้างเสียดายที่ได้รับฟังเพลงโซโลที่รอมานานแบบไม่ยาวนัก (ฮือ) และที่แปลกคือเพลงโซโลแต่ละเพลงมาจากแต่ละช่วงยุค อาจจะเป็นเพลงโซโลที่แต่ละคนชอบสุดแล้วคัดมาให้พวกเราฟังก็เป็นได้ อนึ่ง ยังไม่ได้ทำตัวป่วยลงรีพอร์ตนี้เลย อิซุซามะขาสวยมากครับ อยากให้เพื่อนๆ ได้ลองสังเกตกัน… ทั้งนี้เมื่อจบโซโลของอิซุซามะ ก็เป็นการเรียกทุกคนกลับเข้าสู่เวทีด้วยแทร็กเพลงสั้นๆ แบบ Milky Holmes ga Yattekuru, Eey! Eey! Eey! เพื่อเตรียมเข้าสู่ช่วงต่อไป
เพลง 13 ~ 15: “Reflection (สั้น)” → “Overdrive! (สั้น)” → “Shouri no Kizuna”
ยังไงดี… ช่วงนี้สุดยอดมากๆ ชอบมาก ทั้ง Reflection ที่เป็นอัลบั้มที่ออกทีหลังจากการมาดูไลฟ์คราวก่อนที่เป็นเพลงที่แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของวงอย่างแท้จริง (ในด้านสไตล์เพลงและการแต่งกายที่ปกอัลบั้ม), ทั้ง Overdrive! ที่เป็นเพลงเร็วๆ สุดเท่มีการคอลที่แข็งแกร่ง แต่ที่ประทับใจมากแบบสุดๆ ต้อง Shouri no Kizuna ที่เป็นเพลงประกอบอนิเมการ์ดไฟต์แวนการ์ดนี่หละ แม้จะเคยฟังตั้งแต่รอบก่อนแล้ว แต่การโบกมือโบกแท่งไฟตามเพลงแบบตามจังหวะนี่ก็ประทับใจที่ได้ทำอีกที.. จะว่าไปตรงที่นั่งนี้ค่อนข้างจะมีฮาร์ดคอร์แฟนอยู่แถวหน้าพวกเราที่โบกได้หมด เต้นตามอิซุซามะได้หมดอีกตะหาก (ยะ… ยอดเลย)
ผ่านช่วงเพลงเท่ๆ สามเพลงติดกันไปก็เป็นช่วงพัก MC อีกที โหว… เป็นเซ็ตเพลงที่ใช้พลังงานมากเลยนะเนี่ย ในช่วง MC นี่ก็ประกาศขายของ… แต่สั้นมากนะ สั้นเหมือนรีบอยากร้องเพลงต่อ!!
เพลง 16 ~ 20: “Glory Glowing ☆DAYS” → “Pinch ni Punch (สั้น)” → “Seishun Beginner (เฟเธอร์ส)” → “ANSWER (ชูตะ โมริชิมะ – โซโล)” → “Brilliant Wish ~Karei Naru Yokubou~ (อาเคซากะ ซาโตมิ – โซโล)”
กลับเป็นช่วงเพลงเรียกเสียงคอลอีกครั้งกับ Glory Glowing ☆DAYS ที่เป็น OP ของอนิเม “ฟุตาริวะมิลกี้โฮล์มส” แต่เพลงนี้ถ้าร้องเมื่อไร ก็เหมือนเอาเรียกน้องๆ เฟเธอร์ส (อายาสะ+ไอมิน) ให้ขึ้นมาร่วมแจมบนเวที และแน่นอนว่าพอมี 6 คนก็ต้องร้องเพลง Pinch ni Punch อย่างพร้อมเพรียงเหมือนเป็นธรรมเนียม จู่ๆ ก็รู้สึกว่าทั้งอายาสะและไอมินเติบโตขึ้นอย่างน่ารัก (น้ำตามา เหมือนเห็นลูกสาวโตขึ้น) ทั้งนี้หลังจบเพลงนี้จะเข้าสู่ช่วงของเกสต์บ้างแล้ว
โดยช่วงเกสต์ เริ่มจาก Seishun Beginner เพลงประจำตัวของเฟเธอร์ส และไม่รู้คิดไปเองไหมว่าจะต้องตามด้วย ANSWER โซโลของโมริชี่แบบหล่อๆ เหมือนคอนฯ ที่เคยฟังจากไลฟ์คราวที่แล้ว แน่นอนว่ามาพร้อมดาวเป็นแบ็กกราวนด์ตามสไตล์ จากนั้นอาเกะซังก็ปรากฏตัวมาร้อง Brilliant Wish ~Karei Naru Yokubou~ ที่ตกใจเล็กน้อยเพราะเพลงนี้เคยฟังผ่านๆ ไม่กี่รอบเอง จุดเด่นบนเวทีของอาเกะซังกับเพลงนี้คือช่วงแรกจะใส่กระโปรงยาวสีขาวๆ ดูใสๆ และร้องเพลงด้วยเสียงแบบท่านประธานสภานักเรียน (บุคลิกก่อนแปลงร่างของอาร์เซนซามะ…) แต่พอผ่านไปครึ่งเพลงก็สลัดกระโปรงยาวทิ้งเป็นชุดวันพีซสีดำแบบเผ็ดๆ และร้องด้วยเสียงที่ดุดันขึ้น 1 เบอร์ ฟังเผินๆ จะเหมือนอาเกะซังกำลังร้องเพลงกับคู่ดูเอ็ตอยู่ (แต่ร้องคนเดียว และน่าจะมีแบ็กกิ้งแทร็กตอนสองเสียงออกพร้อมกัน) และเนื้อหาสำคัญคือร้องดีมาก เนื้อเสียงดีมากน่าประทับใจสุดๆ ไม่ว่าจะโหมดเสียงไหน เรียกได้ว่ามาเพลงเดียวแต่สุดยอดมากๆ
เพลง 21 ~ 24: “Kochira Milky Holmes! (สั้น)” → “Miru Miru UPpp↑↑ (สั้น)” → “Colorful with you (สั้น)” → “Ittsudatte Supporter! (สั้น)”
จู่ๆ ทั้งมิลกี้ทั้ง 4 ก็ปรากฏตัวในชุดใหม่ เป็นชุดเสื้อคอนดัดแปลงกับกระโปรงตามสีและเครื่องประดับผม โดยมาพร้อมกับรถเข็นทุนต่ำ (ขอแซวหน่อย สกรีนลายนิดหนึ่งก็ได้) โดยในเซ็ตนี้ไฮไลท์อยู่ที่การมาร้องกลางฮอลล์แทนนั่นล่ะ ทั้ง 4 คนอยู่ใกล้สายตาของพวกเราอย่างแรง (สลับตำแหน่งตามเพลง) ซึ่งตรงช็อตนี้เรียกได้ว่าลืมหายใจจริงๆ ลืมแบบสนิทเลย ใกล้มาก และทั้งๆ ที่อยู่บนรถเข็นที่ดูไม่มั่นคง ทุกคนยังร้องเพลงเร็วๆ แบบ Miru Miru UPpp↑↑ (แหงล่ะว่าต้องร้องมิรุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตามกันจนคอแห้ง) และเพลงเรียกซึ้งแบบ Colorful with you (ที่เริ่มตั้งแต่ท่อนสอง) กันได้อย่างดีอีก แต่ทำไมไม่รู้สังหรณ์ว่ามีเพลงช้าๆ แล้วก็จะเป็นการเข้าสู่ช่วงท้ายของไลฟ์แล้ว (จังหวะทรานสิทไปยังเพลง Ittsudatte Supporter! ถ้าไม่ได้รู้อยู่ก่อนว่าจะต้องมีเกสต์อีกคน และผ่านการร้องเพลงเวอร์ชั่นสั้นมากมาย คงคิดว่าใกล้จะจบแล้ว คือมันเป็นเพลงที่ค่อนข้างเอาไว้ร้องช่วงหลังๆ ของคอนมาก)
แต่… เกสต์คนสุดท้ายของวันนี้ก็โผล่มาหลังจากมิลกี้ทั้งสี่หลบเข้าข้างเวทีไป นันโจ โยชิโนะ (ผู้ให้เสียงอาเคจิ โคโคโระจัง) โอชิอีกคนของผู้เขียนได้เข้าเวทีแล้ว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เพลง 25: “Kokoro no Eden (นันโจ โยชิโนะ – โซโล)”
ยังไงดี เหมือนฮอลล์แตกเลย (ฮา) นันโจซังเป็นนักพากย์ที่ไม่ได้ปรากฏตัวในเวทีมิลกี้โฮล์มสไลฟ์บ่อยนัก และนี่เป็นครั้งที่ 5 ของการร้องเพลงที่เป็นที่สุดของโคโคโระจัง “Kokoro no Eden” เพลงสุดคูลตัดบุคลิกของตัวละครตำรวจอัจฉริยะสายซึน มันเป็นเพลงที่ออกแบบมาให้นันโจซังร้องมากๆ เป็นสไตล์การร้องที่เฉพาะตัวมากๆ ทำเพลงมาดี ร้องสดดี และมีความหล่อทั้งชุดและหน้าตา— (เขียนว่าหล่อ อ่านว่าสวยมาก แปลความหมายว่าเป็นคุณพี่สาวสุดสวยของผู้เขียน) ไม่มีอะไรต้องวิจารณ์! มีแต่คำชม!! มีแต่ความประทับใจ!!! 10/10 ไปเลย
เพิ่งเคยเจอนันโจซัง (เป็นครั้งแรก และเป็นระยะที่ใกล้มาก) ในไลฟ์เดียวไลฟ์นี้ ผู้เขียนได้บรรลุเป้าหมายชีวิตไปหลายอย่างเลยทีเดียว หลังจบนี้ก็เป็นการรวมหมู่เกสต์ และถ่ายรูปรวมกับแฟนๆ ในฮอลล์ด้านหลัง TT_TT ช่วง MC คั่นในคราวนี้ช่างทรงคุณค่า เพราะได้ฟังเสียงโคโคโระจังสดๆ ทุกคนดูเหมือนงานรวมญาติ ช่างน่าประทับใจ โคโคโระจังไซโค นันโจซังไซโค (มิโมรินทำมือเป็นหัวใจให้นันโจซังด้วย! น่ารัก!!)
แต่พอฟังๆ MC แบบไม่รู้เรื่องในภาษา (ขออภัยจริงๆ) ก็มีแต่คำว่าไฟนอลไลฟ์ๆ วนไปมาหลายที จนเริ่มคิดว่า อาจจะมาถึงจุดใกล้จบของไลฟ์แล้วก็เป็นได้ เวลาผ่านไป ชม. ครึ่ง แต่ด้วยปริมาณเพลงกว่า 25 เพลงที่ผ่านมา ก็ทำให้รู้สึกว่าเต็มที่สุดๆ เลยและเมื่อเกสต์ทุกท่านร่วมกล่าวเสร็จ ก็ได้เวลาที่จะร้องเพลงกันต่อ
เพลง 26 ~ 30: “Prologue wa Ahita Iro” → “Milky tea time (สั้น)” → “Day by Day~Kimi to Issho ni (สั้น)” → “Mainichi Climax” → “Bye Bye Yell!”
เป็นขบวนเซ็ตเพลงแบบช้าๆ สวยๆ ก่อนใน 3 เพลงแรก ในช่วงนี้ชอบ Day by Day ~キミと一緒に ที่เป็นเพลงเก่าแล้วมากสุดเลย เพราะได้ฟังมาหลายรอบมากก่อนนี้ ถึงจะเป็นเวอร์ชั่นสั้นก็คิดว่าโอเคมาก ที่น่าประทับคือท่อนที่โบกๆ มือเป็นเวฟกันนี่ล่ะ หลังจบเพลงนี้ก็มา MC กันสั้นๆ มีทักทายผู้ชมให้คอลเรสปอนด์กัน หลังจากนั้นก็มาร้อง Mainichi Climax ที่เป็นหนึ่งในสองเพลงของซิงเกิ้ลสุดท้ายของยูนิตนี้ แน่นอนว่ามันเป็นการร้องครั้งแรกของเพลงฉะนั้นพวกเราไม่เคยฟังแบบสดแน่นอน (เพลงนี้มีจังหวะคอลที่เยอะเลยทีเดียว เหมือนต้องการให้สนุกกันทิ้งท้ายในซิงเกิ้ลสุดท้ายนี่หละ)
ขอพิมพ์ไว้สักหน่อยว่าปกซิงเกิ้ลสุดท้ายเนี่ย บิวด์ตั้งแต่ตัวปกหน้าและปกหลังแล้วนะ โดยตัวปกหน้าทั้งเวอร์ชั่นอนิเมและเซย์ยูจะเป็นป้ายสถานีรถไฟในญี่ปุ่น (ตามบ้านนอกหน่อยจะเห็นแบบนี้แหละ) โดยบอกสถานีก่อนหน้าเป็นเพลง “Mainichi Climax” และสถานีต่อไปเป็นเพลง “Soshite, Gunjou ni tokete Iku” แต่ถ้าพลิกข้างหลังจะเป็นสถานีสุดท้าย แล้วก็ไม่มีสถานีต่อไปขึ้นรายชื่อ เรียกได้ว่าทำน้อยแต่สื่อได้เยอะเลยทีเดียว
【いよいよ今週発売!】
ミルキィホームズ最後のシングル「毎日くらいまっくす☆/そして、群青にとけていく」は今週10月17日発売です!
あと3日!!!#milkyholmes
■店舗購入特典情報はこちら→https://t.co/OWOBWFJynW pic.twitter.com/CKJC4J79o4
— ブシロードミュージック公式 (@BUSHIM_ongaku) October 15, 2018
สุดท้ายของช่วงการแสดงหลัก เป็นการจบด้วยเพลง Bye Bye Yell! ซึ่ง… เพลงจากเกมมิลกี้โฮล์มสภาค 2 เพลงนี้มันถึงพร้อมและเหมาะกับเอามาใช้เป็นเพลงสำหรับบ๊ายบายกันแล้วหละ โดยในช่วงนี้สมาชิกก็มาเดินโบกมือให้กับทุกส่วนของฮอลล์อย่างทั่วถึง และขอบคุณทุกคนที่รับชมการแสดงจนจบช่วงหลัง เพลงนี้ไม่ช้า ไม่เร็ว มีจังหวะคอล มีจังหวะให้ประทับใจ และมีจังหวะยิงริบบิ้น 4 สีจากด้านบน เป็นจังหวะไฮเทนชั่นก่อนจะขอบคุณทุกคนและจากไปหลังเวที
ตัวผมเองก็ได้มาด้วย แต่เดี๋ยวจะเล่าเป็นเรื่องตบท้ายบทความน่าจะดีกว่า จบจากนี้เป็นเวลาของการอังกอร์ยาว (จริงๆ ก็ไม่ยาวมาก ประมาณ 5 – 6 นาที) และเปิดมาด้วย PV ขายของแผ่นคอนไลฟ์นี้… ทำเอาคนตกใจว่าจะจบแค่นั้นหรอ (หัวเราะ) แต่หลังจากนั้นทุกคนก็วิ่งออกมาจากหลังเวที
อังกอร์ 1 ~ 2: “Milky Attack” → “Kikoenakutemo Arigatou (เซอร์ไพรส์วิดีโอ)”
กลับมาบนเวทีด้วยชุดนักสืบเวอร์ชั่นแรกสุด อารมณ์ไฮป์เต็มที่กับเพลงที่ไว้หมุนผ้าเช็ดตัวแบบ Milky Attack ซึ่งในบรรดาเพลงของมิลกี้ เพลงนี้เป็นเพลงที่คอลรุนแรงสุด มีพร็อพ มีจังหวะไวสุดๆ จังหวะวัชโช่ยที่อัดอั้นจะคอลกันมานานก็ได้ใช้ตอนนี้แหละ (ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นเพลงเก่า ถ้าพูดให้ถูกคือถูกร้องสดครั้งแรกในปี 2016 หรือไลฟ์ที่พวกเรามาคราวก่อนนั่นหละ) ก่อนที่จะเบรกเข้าสู่ช่วงสำคัญอย่างทันทีด้วยการอ่านจดหมายอำลา (หรือเรียกจดหมายขอบคุณ) โดยเริ่มจากคุณแม่ของยูนิตแบบมิโกรอน ตามด้วยโซระมารุ มิโมริน และปิดท้ายด้วยม้วนคัมภีร์อำลาของคิตตะซัง
ช่วงนี้บรรยายได้ยากจริงๆ ทุกคนมีแต่น้ำตา ทั้งสมาชิกมิลกี้โฮล์มสทุกคน และแฟนๆ ที่ดูอยู่ข้างล่างด้วย (ผมด้วย) นอกจากมันเป็นซีนที่แสดงความขอบคุณจากศิลปินสู่แฟนๆ สู่ตัวเอง ผู้มีพระคุณ มันยังเหมือนเป็นช่วงที่แฟนๆ ได้แสดงความขอบคุณกลับไปสู่ศิลปินด้วยนะ จบจากช่วงอ่านจดหมายก็ต้องตกใจกับวีดิโอที่รวมเอาภาพและคลิปเก่าของมิลกี้ตลอด 10 ปีที่ผ่านมามาโชว์เพื่อเซอร์ไพรส์ให้กับพวกเธอ โดยในจุดนี้มันค่อนข้างตื่นตัน มันปนทั้งขำ และปนทั้งเศร้า ผสมผสานปนเป (คลอด้วยเพลง Kikoenakutemo Arigatou แบบช้าๆ) หลังจากวิดีโอจบก็มารวบรวมสมาธิกันเพื่อร้องเพลง
เสริมจากแฮปปุย ช่วงนี้คิตตะซังบอกว่า “บางอย่างลืมไปแล้วนะเนี่ย” ด้วยค่ะ (ฮา)
อังกอร์ 3 ~ 4: “Ameagari no Mirai” → “Soshite, Gunjou ni tokete Iku”
Ameagari no Mirai เป็นเพลงเดบิวต์เพลงแรกที่พวกเราได้เห็นหน้ายูนิตนี้ ฉะนั้นก็ไม่แปลกเลยที่มันต้องถูกหยิบขึ้นมาร้องเมื่อได้ดูวิดีโอย้อนความหลังที่น่าประทับใจขนาดนั้น โดยภาพบนจอเองก็ได้ฉายภาพ PV แรกสมัยเปิดตัวของทุกคนเทียบกับบนเวทีปัจจุบันด้วย มันผ่านมา 10 ปีแล้วจริงๆ ทุกคนก็ดูเติบโตขึ้นจริงๆ เพลงนี้มันค่อนข้างมีความจับใจสูงมากและความเป็นมิลกี้โฮล์มสสูงมาก มีการผสมทั้งการคอล การร้องสวยๆ ในบางท่อน การร้องสดใสและจังหวะที่รวดเร็วในภาพรวม มันจึงเป็นทั้งเพลงเดบิวต์ และเพลงชาติของยูนิตนี้ไปด้วยในเพลงเดียวกัน ซึ่งตรงตามชื่อเพลงที่แปลว่า “อนาคตหลังฝนตกพรำ” แล้วล่ะ
แต่แม้จะพยายามสดใสอย่างไร พวกเราก็รู้แล้วว่าเพลงสุดท้ายมาแล้วจริงๆ ทำนองของ Soshite, Gunjou ni tokete Iku เพลงสุดท้ายของยูนิตนี้อย่างแท้จริงได้ถูกบรรเลงขึ้นเป็น “ครั้งแรกและครั้งสุดท้าย” แล้ว ไม่มีจังหวะที่รวดเร็วหรือการคอลใดๆ มีแต่ความรู้สึกของศิลปินที่ถ่ายทอดตรงสู่ผู้ฟังทั้งต่อหน้าและผ่านไลฟ์วิว ด้วยการที่ตัวเพลงนี้ก็เต็มไปด้วยเนื้อหาของการจากลาอยู่ในที จึงไม่แปลกใจเลยที่น้ำตาที่คลออยู่จะไม่แห้งไปซักที โดยในเวอร์ชั่นของการไลฟ์นี้เพลงนี้ได้มีการดัดแปลงช่วงท้ายของเพลงให้มีความยาวขึ้นและลูปเพื่อทำการ… ถอดหมวกวางกับพื้นที่สปอตไลท์ทั้ง 4 และขึ้นเวทีเพื่ออำลา
ฉากนี้เป็นหนึ่งในความสมบูรณ์แบบจริงๆ ในการจากลา ถึงพร้อมด้วยท่วงทำนองที่ไพเราะ การแสดงตลอด 150 นาทีที่ผ่านมาได้มาถึงจุดสุดท้าย ณ เวลานี้ ตัวผู้เขียนไม่ได้มีอะไรมากกว่าจับจ้องทุกวินาทีบนเวทีอย่างชัดเจน และได้เห็นทั้ง 4 คนกุมมือกันเพื่อขอบคุณด้วยสีหน้าเปื้อนน้ำตา จากนั้นยกมือขึ้นสูงเพื่อโค้งคำนับแฟนๆ ที่ปรบมือดังอย่างไม่หยุดยั้ง บทเวทียังคงฉายสปอตไลท์ไปยังหมวกทั้ง 4 ใบที่ถอดทิ้งไว้
หลังจากนั้นจากการคอล “อังกอร์” ก็เปลี่ยนไปเป็น “มิลกี้” และทุกคนก็ยังคงเรียกต่อไปเรื่อยๆ จนทั้งสี่คนวิ่งออกมาจากหลังเวที…!!! ด้วยเสียงหัวเราะอย่างสดใส (แถมมีฉากที่โซระมารุลื่นอย่างสวยงามกับเวทีจนดูไม่ออกว่าจงใจหรือลื่นจริงด้วย..)
ดับเบิ้ลอังกอร์ (เพลงสุดท้าย): “Seikai wa Hitotsu! Janai!!”
บางทีทั้ง 4 คนอาจจะคิดก็ได้ว่ามิลกี้โฮล์มสไม่ควรจะจบลงด้วยน้ำตา และการใช้เพลง Seikai wa Hitotsu! Janai!! ที่เป็นเพลงแรกของคอนเสิร์ตนี้มาเพื่อให้ทุกคนได้คอล Q.E.D กันอีกหลายๆ รอบ ทำเอาอารมณ์บิวด์เมื่อกี้เหมือนเป็นเรื่องโกหกเลย แต่ทั้งนี้ เพลงนี้ก็เป็นเพลงสุดท้ายของสุดท้ายจริงๆ แล้ว และเป็นการจากกันด้วยเสียงหัวเราะแบบที่ควรให้สมเป็นยูนิตบ้าๆบอๆ ยูนิตนี้แล้วล่ะ เป็นการอำลาที่ให้ความรู้สึกประหลาด ซึ่งการตามไอดอล (หรือเซย์ยู) มันก็เป็นความรู้สึกแบบนี้อยู่แล้วล่ะมั้ง บางทีก็บังเอิญได้ไปพบเจอ บางครั้งก็จำเป็นต้องลาจาก และไลฟ์นี้ก็อาจจะเป็นที่แบบนั้น แม้อาจจะไม่ได้เจอกันอีกในฐานะมิลกี้โฮล์มส แต่พวกเธอเหล่านี้ก็ได้ใช้ความสามารถเท่าที่มีในการทำให้ผู้ชมทุกคนมีความสุข ประทับใจ มีช่วงเวลาที่ดีมากๆ แล้ว
และสุดท้ายเป็นการปิดท้ายด้วยการปิดไมค์ เพื่อพูดด้วยเสียงจริงเพื่อลาทุกคนด้วยในฐานะของ “ตัวเอง” และตามด้วยประโยคที่คุ้นหูและได้ยินมาตลอดแบบ “นักสืบเลื่องชื่อแห่งโยโกฮาม่า มิลกี้โฮล์มสไงล่ะ! (ヨコハマいちの名探偵、ミルキィホームズでした!)” ก่อนขึ้นเวทีและปิดม่านการแสดงอย่างสมบูรณ์แบบ
ขอบคุณมากครับมิลกี้โฮล์มส ขอบคุณจริงๆ
ช่วงปิดท้ายและสัพเพเหระ
ก่อนจะเดินออกจากฮอลล์ บนเวทีมีให้ถ่ายรูปเพื่อเป็นที่ระลึกกันได้ด้วย เลยจัดถ่ายมาเล็กน้อยก่อนเดินทางกลับ
เดินออกมาก็เจอกับบรรดาสแตนด์ดอกไม้อีกหน่อยหนึ่ง ก็ตามปกติที่ทุกคนจะต้องแวะถ่ายรูปกัน
ก็สมเป็นยูนิตที่มีกลุ่มแฟนไม่ใหญ่มาก สแตนด์ดอกไม้เลยมีจำนวนจำกัด และหลายสแตนด์ก็คุ้นเหมือนเคยเห็นรอบก่อนด้วย ทั้งนี้บรรยากาศในการแยกย้ายเดินทางออกจากฮอลล์เป็นไปอย่างเรียบร้อยดี มีการจัดระเบียบการเดินเป็นทางเดียวกันสำหรับไปสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้สุด
ลืมเล่าถึงการได้มาซึ่งสิ่งนี้เลย ริบบิ้น 4 สี ได้มาคนละอันครบตี้พอดี (คอมพลีท คอลเลคชั่น)
ตอนที่ได้มา ผมหยิบได้อันสีเขียว แล้วทีนี้เมคุงก็บอกว่า ให้ผมเอาอันนี้สิๆ (ยื่นสีฟ้าของอิซุซามะมาให้) ก็จับไว้ ปรากฏว่า… ไปสาวมาจากข้างหน้า มีแรงดึงสวนกลับไปมาเล็กน้อยแต่สุดทายก็แย่งชิงได้มา (ขอโทษครับบ) แต่ก็ทำให้ได้เป็นที่ระลึกกันครบเซ็ตเลยทุกคนในตี้ที่ไปกัน นี่คงเป็นเรื่องราวดีๆ ของการได้ที่นั่งในเขตอารีน่านี่เอง
สรุปความประทับใจ
มิลกี้โฮล์มสได้ปิดฉากไฟนอลไลฟ์ไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ในความคิดของผู้เขียน ไลฟ์นี้เป็นไลฟ์ที่ดีมากๆ แม้ส่วนมากจะเป็นเพลงแบบสั้น และมีเซ็ตเครื่องแต่งกายที่น้อยไปสักหน่อย แต่ก็สัมผัสได้ว่าเป็นไลฟ์ที่ดี รวมถึงความเข้าถึงง่ายของสถานที่ ฮอลล์ที่ไม่ใหญ่เกินไป ทำให้ครั้งนี้น่าประทับใจสุดๆ และคงจำไปได้อีกนาน
อาจจะจำไปได้ตลอดชีวิตก็ได้