เนื่องในโอกาสอันดีที่เกม Shoujo☆Kageki Revue Starlight -Re LIVE- เซิร์ฟญี่ปุ่นกำลังจะครบรอบหนึ่งปีในวันที่ 21 ต.ค.นี้ มีหรือที่เราจะอยู่เฉยแล้วไม่ไปคาเฟ่โคลาโบ!
คาเฟ่โคลาโบสตาร์รีละ จัดขึ้นเนื่องในโอกาสเกมสตาร์ไลท์ รีไลฟ์ครบรอบหนึ่งปีอย่างที่เขียนไปด้านบน โดยจะจัด 2 รอบใหญ่ๆ คือรอบแรกที่จ.โตเกียว (11 ต.ค. – 24 พ.ย.) ที่ตึก OGISO BLDG อากิฮาบาระ และรอบสองที่จ.โอซาก้า (11 พ.ย. – 8 ธ.ค.) ที่ Princess Cafe สามารถสำรองที่นั่ง (?) ล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ https://revuestarlight-relive-cafe.jp/reservation/ ได้ ที่นั่งละ 650 เยน (ยังไม่รวมภาษีและค่าดำเนินการ) ถ้าใครจองที่นั่งผ่านทางเว็บไซต์ จะได้รับสติกเกอร์ขนาด A4 1 ลาย (จาก 2 ลาย สุ่มเอา) หรือจะไม่จองแล้ววอล์กอินไปกินวันนั้นเลยก็ได้เหมือนกัน แต่อย่าลืมเช็กทางทวิตเตอร์ @cafe_starlight ด้วยว่าสามารถวอล์กอินรอบไหนได้บ้าง เดี๋ยวมีเขียนอธิบายให้ข้างล่างอีกทีค่ะ♥
ด้วยความที่เรารีบเหมือนกลัวคาเฟ่ฮอตฮิตจนจองเต็มทุกรอบ เลยจองล่วงหน้าไปหนึ่งเดือน (เริ่มให้จองออนไลน์ได้ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. ก็จองมันตั้งแต่วันนั้นแหละค่ะ) ซึ่งวันที่จองไปตอนแรกคือ 12 ต.ค. คุ้นๆ ใช่ไหมคะ ใช่แล้วค่ะ วันที่ไต้ฝุ่นหมายเลข 19 พัดเข้าโตเกียวนั่นเองค่า ลุ้นนานมากว่าคาเฟ่จะประกาศปิดเมื่อไร แล้วจะคืนเงินยังไง ซึ่งคาเฟ่ก็ประกาศปิดร้านในวันที่ 12-13 ต.ค. (12 ปิดทั้งวัน 13 ปิดแค่ช่วงเช้า) และจะทำการคืนเงินให้ลูกค้าที่จองล่วงหน้าในรอบที่ปิดร้านค่ะ ทีแรกนึกว่าจะวุ่นวาย แต่แค่ส่งเมลหาทางร้าน ระบุรายละเอียดการสั่งจองและช่องทางการโอนเงินคืนก็เรียบร้อยแล้วค่ะ ถือเป็นประสบการณ์ที่ตื่นเต้นอย่างหนึ่งเลย
หลังจากพายุเข้าเราก็ไม่ย่อท้อ กดจองใหม่ไปอีกรอบในวันเสาร์ที่ 19 ต.ค. รอบ 16.40-18.00น. และวอล์กอินในวันพุธที่ 15 ต.ค. รอบ 16.40-18.00น. รวมทั้งสิ้น 2 รอบค่ะ (ไม่รู้จะมีรอบ 3 ไหม ถ้ามีค่อยมาอัปเดตเพิ่มนะคะ–) ขอบคุณพี่ M และเพื่อน M ทั้งสองคนที่มากินคาเฟ่เป็นเพื่อน แม้จะไม่ได้ตามสตาร์ไลท์มาก ขอบคุณค่ะ!!
ปล. ถึงจะไปมา 2 วัน แต่จะเขียนถึงแบบรวมๆ กันไปเลยนะคะ แยกกันแล้วน่าจะอ่านยาก 5555555
ปล.2 เรื่องรสชาติและคอมเมนต์เรื่องหน้าตาอาหาร เป็นเพียงความเห็นส่วนบุคคลเท่านั้น บางอย่างเรากินแล้วอาจจะอร่อยไม่เท่ากัน อย่าปักใจเชื่อ 100% นะคะ
วันพุธที่ 15 ต.ค. เราเข้าคาเฟ่มาแบบวอล์กอินค่ะ ด้วยความที่กลัวที่นั่งเต็ม (ใช่ค่ะ ถ้ามาแบบวอล์กอินต้องระวังในจุดนี้ด้วย) เลยมาล่วงหน้า 10 นาที การเดินทางก็ง่ายมากค่ะ นั่งรถไฟ JR มาลงสถานีอากิฮาบาระ ออกทางออก Eletric Town ทิศที่มีเรดิโอไคคัง จากนั้นให้เดินหันหน้าเข้าถนนใหญ่ เลี้ยวขวาตรงร้านโซบะแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ประมาณ 5 นาทีก็จะถึงตึก OGISO BLDG ค่ะ
ที่หน้าร้านจะมีป้ายคาเฟ่อยู่ อาจจะไม่ค่อยเด่นเท่าไร แต่ตั้งอยู่หน้าตึกไหนก็เลี้ยวเข้าตึกนั้นไปแหละค่ะ พอเลี้ยวไปจะเจอลิฟต์ ตัวคาเฟ่จะอยู่ชั้น 3 ขึ้นไปปุ๊บ เป็นตัวร้านปั๊บ ไม่มีที่นั่งรออะไรใดใดทั้งสิ้น เพราะงั้นถ้ามาก่อนเวลา พนักงานก็จะเชิญให้เราไปรอที่อื่นอยู่ดี (เว้นแต่ใกล้เวลาเปิดร้านในแต่ละรอบและไม่มีคนยืนออ จะยืนรอก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่มันแคบมาก ยืนแค่ 4-5 คนก็นับว่าอึดอัดแล้วค่ะ)
สำหรับคนที่วอล์กอินเข้ามา แนะนำให้มารับบัตรคิวก่อนถึงรอบนั้นๆ สัก 10 นาที (หรือก่อนหน้านั้น) ส่วนคนที่จองล่วงหน้าต้องระวังเรื่องเวลา ถ้ามาสายเกิน 20 นาทีจะถือว่ายกเลิกรายการไปค่ะ เราเองรอบวันที่ 19 ก็มาสายไป 10 นาที เฉียดตายมากค่ะ… พอมาถึงแล้วก็ยื่นบัตรคิว/เปิดหน้าจองออนไลน์ให้พนักงานดู แล้วพนักงานจะนำทางไปยังโต๊ะนั้นๆ ค่ะ ในภาพของหน้าจองออนไลน์ เป็นภาพหลังจากที่พนักงานตรวจตั๋ว (?) เรียบร้อยแล้วค่ะ
ภายในร้านจะแบ่งฝั่งเป็น 2 ฝั่ง คือฝั่งซ้ายกับฝั่งขวา เราได้นั่งฝั่งขวาทั้ง 2 วันเลยค่ะ และต้องบอกว่าร้านโล่งมากทั้งสองวัน วันที่ 15 คือมีคนมาอยู่แค่ 8 คน ส่วนวันที่ 19 มีเพิ่มเป็นนั่งจนเต็มฝั่งขวา แต่ฝั่งซ้ายก็ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตอยู่ดีค่ะ เหงามาก เหงาเหลือเกิน เสียงที่ได้ยินมีเพียงเสียงโฆษณาบุไต #2 Revival อัลบั้มใหม่ที่เพิ่งออกไปและสตาร์ไลท์ตัวเล็กค่ะ
พอมาถึงโต๊ะแล้ว โต๊ะจะมีสภาพเช่นนี้
สองภาพแรกเป็นภาพที่ถ่ายวันที่ 15 ส่วนสามภาพหลังถ่ายวันที่ 19 ค่ะ ตอนแรกมาโต๊ะจะเป็นอย่างในภาพแรกเลย พอพลิกขึ้นมาจะเป็นกระดาษรองจาน (ที่ไม่มีใครเอามารองจานจริงๆ หรอกนะ) ซึ่งพนักงานหยิบหนังยางมาเตรียมไว้ให้ม้วนกระดาษรองจานเก็บกลับบ้านอย่างดี ทั้งสติกเกอร์และกระดาษรองจานจะมีแค่ 2 ลาย คิดว่าถ้าไปเป็นคู่ก็น่าจะได้ลายไม่ซ้ำทุกโต๊ะนะคะ ส่วนของเราคือเพื่อนไม่เก็บกระดาษรองจานกับสติกเกอร์อยู่แล้ว เราเลยหยิบทั้งสองลายกลับบ้านได้อย่างสบายใจค่ะ ดังนั้นมากับเพื่อนที่ไม่ติ่งก็ไม่แย่นะคะ (ฮา)
มาเริ่มเข้าเนื้อหาหลักกันเลยดีกว่า ซึ่งก็คืออาหารนั่นเองค่ะ เราจะไล่ไปตั้งแต่ น้ำ→อาหารคาว→ของหวาน นะคะ! และถ้าสั่งน้ำ 1 แก้ว จะได้ที่รองแก้ว 1 อัน (สุ่มจาก 24 แบบ) แต่ห้ามเข้ามาแล้วสั่งน้ำอย่างเดียวเพื่อกาชานะคะ ต้องสั่งเมนูอาหารคาวหรือหวานอย่างน้อยหนึ่งเมนูด้วยค่ะ
聖翔音楽学園 グレナデンソーダ Grenadine Soda โรงเรียนดนตรีเซโช (¥750)
จากปากคำพี่ M นามสมมติบอกว่าดูจากภาพแล้วสีดูน่ากลัวเลยไม่กล้าสั่งมากิน ส่วนเราเป็นคนประเภทไม่เลือกกิน ไม่อดตาย จึงสั่งมาแบบไม่คิดมากค่ะ
รสชาติ: ก็…น้ำหวานอะค่ะ หวานๆ ที่ข้างบนโปะวิปครีม เป็นรสชาติที่มนุษย์กินได้นะคะเรามั่นใจ ด้านล่างมีเยลลี่ด้วย โดยสรุปคือกินได้เพลินๆ ค่ะ ถึงบอกว่าหวานแต่ไม่ได้หวานมากขนาดนั้นนะเออ
フロンティア芸術学校 トロピカルオレンジ Tropical Orange โรงเรียนศิลปะฟรอนเทียร์ (¥750)
รสชาติ: ชื่อมาซะขนาดนี้ แน่นอนค่ะว่าเป็นน้ำที่รสชาติเหมือนน้ำส้ม นับเป็นน้ำอีกแก้วหนึ่งที่ไม่อันตราย พิมพ์มาแบบนี้เอาจริงๆ คือเครื่องดื่มในคาเฟ่อยู่ในระดับที่กินได้อย่างไม่ต้องคิดมากทุกอันแหละค่ะ แต่เราก็กินไปแค่หนึ่งอึก อาจจะตัดสินอะไรมากไม่ได้…
凛明館女学校 抹茶オレ มัทฉะโอเล โรงเรียนสตรีรินเมคัง (¥750)
ที่มาน่าจะมาจากเมโมวอลใบนี้ที่ทามาโอะชงชาให้ยูยูโกะกับอิจิเอะดื่มค่ะ
รสชาติ: อร่อยดีค่ะ ส่วนตัวชอบสิ่งนี้มากกว่าน้ำรร.เซโช เป็นชาเขียวผสมนม ดังนั้นรสชาติจะออกหวานมากกว่าขม แต่ก็ไม่ได้หวานจนถึงขั้นเป็นเบาหวานอะค่ะ ถึงจะดูน้อยๆ แต่จริงๆ ก็เยอะเหมือนกันนะคะ ใครชอบกินชาเขียวแล้วอยากลิ้มลองรสชาติของรร.รินเมคังไม่ควรพลาดค่ะ (?)
シークフェルト音楽学院 アフタヌーンティー Afternoon Tea โรงเรียนดนตรีซีกเฟลด์ (¥750)
ลืมถ่ายรูปหลังจากชงชาแล้วแยกเดี่ยวๆ แถมกล้องไม่โฟกัสตราโรงเรียนอีกต่างหาก UvU ในกาน้ำจะใส่น้ำร้อนไว้ ส่วนกระดาษที่มีตราโรงเรียนจะใส่ถุงชาไว้ด้านในค่ะ วิธีกินคือใส่ถุงชาลงไปในกาน้ำ แล้วก็รอเวลาไปค่ะ
รสชาติ: อันนี้เราไม่ได้ลองดื่มเลยค่ะ เพื่อนเป็นคนดื่ม เพื่อนบอกว่าเป็นชาที่โอเค ไม่ขมเกินไป แต่เจ้าตัวก็ใส่น้ำตาลลงไปค่ะ (ห้องแต่ละฝั่งจะมีน้ำเปล่า น้ำตาล นม อะไรพวกนี้ไว้ให้ค่ะ เราเดินไปหยิบมาใส่เครื่องดื่มได้เลย)
晶が完食 激辛カレー แกงกะหรี่โคตรเผ็ดที่อากิระกินจนหมดจาน (¥1,280)
ความรู้สึกแรกที่คุณพนักงานยกมาให้คือ “ไม่ตรงปกอย่างแรง” นี่สินะที่เขาเรียกว่า ‘ภาพนี้ใช้เพื่อการโฆษณาเท่านั้น’ ในรูปดูมีเนื้อและดูแดงๆ อะค่ะ แต่อันนี้คือตามภาพเลย มีมันฝรั่งหัวเล็กๆ หั่นครึ่งมาให้ มีพริกหวานให้สองสามอัน มีซากเนื้อปูกระจุกอยู่ตรงกลางจาน ข้าวก็น้อยจนทุกข์ใจ ถึงบ่นไปก็เข้าใจอยู่ลึกๆ นะคะว่าข้าวคาเฟ่ได้ระดับนี้ก็โอเคแล้ว
รสชาติ: อากิระ คนเป็นราชันกินได้เผ็ดเท่านี้เองเหรอ ไม่ค่อยเผ็ดเท่าไรค่ะ เผ็ดน้อยกว่าแกงกะหรี่โคโค่ระดับ 2 ที่ไทยอะค่ะ แต่เราก็คนไทยที่คุ้นชินกับของเผ็ด ถ้าเป็นชาวญี่ปุ่นที่ไม่คุ้นเคยอาจจะกินแล้วเผ็ดก็ได้ค่ะ ส่วนตัวไม่ประทับใจเท่าไรเพราะให้มาน้อยมากจริงๆ แล้วไม่ค่อยอร่อยด้วย ฮือ แต่ถ้าใครอยากลองก็ลองได้นะคะ เผ็ดนิดเดียวจริงๆ ค่ะ
美空の完全無敵セット 焼きそば&コッペパン เซ็ตอาหารไร้เทียมทานของมิโซระ ยากิโซบะ&คอปเปะปัง (¥980)
จริงๆ แล้วอาหารจานนี้มีที่มาจากใบเมโมวอลใบนี้ด้วยค่ะ
รสชาติ: อาหารตรงปกค่ะ แต่คนกิน (พี่ M) ดูไม่ค่อยปลื้มเท่าไร ส่วนเราได้ลองชิมไปคำสองคำ คิดว่าตัวยากิโซบะไม่ค่อยมีรสชาติเท่าไร ตัวขนมปังค่อนข้างเหนียว เป็นเมนูที่กินแล้วในหัวจับไปเปรียบเทียบกับขนมปังยากิโซบะที่เคยกินมาเลยค่ะ ซึ่งอันนั้นอร่อยกว่าอันนี้และราคาต่างกันมากอยู่ แต่ถ้าอยากใกล้ชิดมิโซระก็ต้องสั่งกินแล้วนะคะ!!
鍋奉行は私にお任せ 文の魚介鍋 ポン酢添え ให้ฉันเป็นคนจัดการหม้อไฟให้เอง หม้อไฟอาหารทะเลของฟุมิ+พอนสึ (¥1,480)
อาหารจานนี้ก็มีที่มาจากใบเมโมวอลคู่อิจิเอะและฟุมิที่ฟุมิทำหม้อไฟปลาให้อิจิเอะกินค่ะ
รสชาติ: อร่อย!!!!!!!!!!!!!!!! คือก็เป็นหม้อไฟที่น้ำซุปเบสเป็นปลานั่นแหละค่ะ เครื่องที่หยิบมาต้มดูดีในระดับหนึ่งเลย ยิ่งได้กินตอนอากาศหนาวๆ นี่สุดยอดไปเลยค่ะ ถ้าให้ดีก็ต้องเทพอนสึสุดรักของฟุมิลงไปในหม้อไฟด้วย เข้าใจฟุมิเลยค่ะว่าทำไมถึงรักพอนสึขนาดนี้ รสชาติเข้ากันมากจริงๆ สมกับเป็นเซ็ตอาหารที่ราคาแรงที่สุดในคาเฟ่ แต่ถ้าใครไม่กินผักอาจจะลำบากใจหน่อย ยังไงถ้ามาแล้วก็สั่งเถอะค่ะ อิ่มนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอน
王者のオーダー カニチャーハン ข้าวผัดปูตามราชันสั่ง (¥1,280)
手作りのお菓子は危険な香り? ベリーチョコケーキ ขนมทำมือที่มีกลิ่นความอันตราย? เบอร์รีช็อกโกเค้ก (¥1,180)
แน่นอนว่าของแบบนี้ก็มีที่มาจากการ์ดเมโมวอลอารูรุมิโซระอีกแล้ว
รสชาติ: เป็นรสชาติในแบบที่ควรจะเป็นน่ะค่ะ เข้าใจคำนี้ไหมคะ คือเป็นเค้กช็อกโกแลต (ที่ค่อนข้างร่วน) ราดช็อกโกแลตเหลว รอบๆ เป็นราสเบอร์รี มีไอศกรีมก้อนเล็กไว้กินคู่กับตัวเค้ก รสชาติไม่แย่ แต่กินแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไรค่ะ
野点のお供 抹茶のケーキ เค้กชาเขียว ขนมคู่ชาที่ชงนอกชายคา (¥1,280)
รสชาติ: พิมพ์มาถึงตรงนี้ เราว่าเราชอบกินชาเขียวแน่เลยค่ะ (…) อร่อยมากค่ะ!!! อย่างน้อยๆ เนื้อเค้กก็แน่นกว่าของอารูรุด้านบน กินคู่กับชารินเมคังแล้วแสงออกปากเลยค่ะ ดีมาก ดีจริงๆ อะไรก็ตามที่อยู่บนจานคืออร่อยหมด ครีมไม่หวานเลี่ยนจนเกินไปด้วยนะคะ ชิ้นก็ใหญ่อยู่ เอาเป็นว่าเรากินคู่กับหม้อไฟฟุมิแล้วอิ่มอะค่ะ ฮือ
โดยรวมเราโอเคกับเมนูน้ำทุกอัน อาหารคาวคือข้าวผัดปูกับหม้อไฟฟุมิ ส่วนของหวานก็เค้กชาเขียวค่ะ ไว้หลังจากนี้มีโอกาสลองเค้กกล้วยหอมของนานะเมื่อไรอาจจะมาเพิ่มให้ทีหลังนะคะ (?)
หลังจากที่เริ่มรอบไปแล้วครึ่งชั่วโมง (น่าจะเวลานี้) จะมีประกาศถามลูกค้าว่ามีใครจะสั่งน้ำแบบกลับบ้านไหม (บางคนลุ้นที่รองแก้วแต่กินในร้านไม่ไหวก็หิ้วกลับไปกินที่บ้านแทนอะไรงี้) ส่วนใครจะซื้อ Goods ก็ให้เดินไปหยิบแล้วจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์พร้อมกับค่าอาหารค่ะ ที่วาง Goods จะอยู่ข้างๆ เคาน์เตอร์จ่ายเงินเลย และถึงจ่ายเงินแล้วก็สามารถนั่งในร้านได้จนถึงหมดเวลารอบนั้นๆ ค่ะ ที่เรามีรูปบรรยากาศโล่งๆ มาลงได้ ส่วนหนึ่งคือถ่ายตอนที่คนอื่นกลับกันหมดแล้ว เหลือแค่เรากับเพื่อนสองคนในร้าน และพนักงานที่ยืนเฉยๆ รอเรากินเสร็จค่ะ ถ้าใครไปแล้วไม่ต้องรีบออกจากร้านก็ได้นะคะ นั่งให้คุ้มๆ ตราบใดที่ไม่ทำร้านเสียหาย รบกวนลูกค้าและพนักงาน เราก็ถ่ายรูปและนั่งได้ตามสบายเลยค่ะ
ค่าเสียหายทั้งสองวันที่กิน+ซื้อของไป รวมทั้งสิ้น 10,692 เยน ถ้วนค่ะ… จริงๆ จ่ายเองน่าจะ 9000 เยนนิดๆ เพราะพี่ M เลี้ยงของหวานจานอารูรุให้ค่ะ (_ _)
ถ้าใครเป็นแฟนสตาร์ไลท์แล้วมีโอกาสมาเที่ยวญี่ปุ่น (หรืออยู่ญี่ปุ่นอยู่แล้ว) ก็อยากให้ลองแวะมาสักครั้งนะคะ จะวอล์กอินเข้ามาก็ได้ จะจองก่อนแล้วได้สติกเกอร์เป็นของที่ระลึกก็ดี ในหนึ่งปีมีแค่หนเดียว ถ้าพลาดปีนี้ต้องไปอีกทีปีหน้าเลยนะคะ!
สุดท้ายนี้ขอปิดด้วยภาพลายเซ็นฮารุจัง โมเอปิ เทรุรินและอายาสะจัง ที่แวะมาร้านวันที่ 18 ต.ค. ค่ะ XD ขอบคุณที่อ่านนะคะ