มื้อค่ำกับสาวทวินเทลผู้มีใบหน้าดูไร้เดียงสาแต่รอยยิ้มนั้นช่างห่างไกลจากคำว่าไร้เดียงสาเหลือเกิน….
เรทติ้ง
คลิกเพื่ออ่าน
KAWAKUMA ☆ !!
โถงทางเดินที่เกือบจะเงียบสงัดมีเพียงเสียงรองเท้าก้าวกระทบพื้นเป็นจังหวะ ร่างสูงโปร่งในชุดเมดยกมือขึ้นเคาะประตูบานใหญ่ ประคองถาดเงินไว้บนมืออีกข้างอย่างเชี่ยวชาญ
“คุณหนูคะ ของหวานได้แล้วค่ะ”
เธอยืนรอฟังเสียงขานรับจากด้านในห้องอาหาร ไม่ใช่ว่าที่นี่จะเคร่งครัดมากถึงกับว่าต้องรอคำอนุญาตก่อนถึงจะเข้าไปได้ แต่เธอเห็นว่าการรอให้อีกฝ่ายตอบรับมาก่อนดูจะเป็นมารยาทที่ดีกว่า
ปกติแล้วคนในห้องก็จะส่งเสียงเรียกให้เธอเข้าไปได้ทันที แต่วันนี้กลับนานผิดปกติจนเธอนึกประหลาดใจ
อาจจะไม่ได้ยินเสียงเราก็ได้มั้ง
คิดแบบนั้นแล้วก็ยกมือขึ้นเคาะประตูเป็นครั้งที่สอง
“คุณหนูคะ นี่วากิเองค่ะ”
“เข้ามาได้”
สงสัยครั้งแรกจะไม่ได้ยินจริงๆ ด้วย
เธอนึกก่อนที่จะผลักบานประตูให้เปิดออกและก้าวเข้าไปด้านใน ห้องอาหารของครอบครัวนิชิคิโนะไม่ได้ดูกว้างขวางโอ่โถงเหมือนคฤหาสน์ในละครโทรทัศน์ แต่แค่มองปราดเดียวก็รับรู้ได้ถึงฐานะและรสนิยมของเจ้าบ้าน โต๊ะอาหารสำหรับหกคนนั่งมีผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดยาวจรดพื้น บนโต๊ะมีชุดจานชามสำหรับคนสองคนที่ตอนนี้ว่างเปล่า น้ำองุ่นในแก้วไวน์ทั้งสองใบก็พร่องไปกว่าครึ่ง
“เอ๊ะ เพื่อนของคุณหนูล่ะคะ?”
เธอถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าเก้าอี้ที่ควรจะมีเด็กสาวตัวเล็กจับจองอยู่ในตอนนี้กลับว่างเปล่า วันนี้ห้องอาหารมีผู้ร่วมโต๊ะแค่สองคนคือคุณหนูของเธอกับเพื่อนสนิทที่แวะมาค้างที่บ้านเป็นครั้งที่สองแล้ว ส่วนสองสามีภรรยานิชิคิโนะต่างก็ติดงานที่โรงพยาบาลทั้งคู่พอดี
เจ้าของเรือนผมสีแดงซึ่งนั่งตัวตรงอยู่ที่ตำแหน่งหัวโต๊ะเหลือบมองไปที่เก้าอี้ตัวนั้นเล็กน้อยก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามปกติ
“นิโกะจังน่ะเหรอ? ไปเข้าห้องน้ำน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นขออนุญาตเสิร์ฟของหวานเลยนะคะ นี่ไอ-”
“ด-เดี๋ยว!”
เสียงร้องที่ขัดขึ้นมากะทันหันทำให้ร่างที่กำลังจะก้าวไปทางหัวโต๊ะหยุดชะงัก เธอมองคุณหนูเจ้าของบ้านด้วยความงุนงง ใบหน้าที่ดูเคร่งเครียดอยู่ตลอดเวลาของเด็กสาวดูจะมีรอยแดงจางๆ ปรากฏขึ้นมา
“วางไว้ตรงนั้นแหละ”
“เอ๋?”
คนรับใช้เก่าแก่เผลออุทานออกมาให้คำสั่งแปลกๆ ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน แต่หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินใจไม่เซ้าซี้ ยังไงเธอก็เป็นแค่คนรับใช้นี่นะ ทำตามที่สั่งก็พอแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ดิฉันวางไว้ตรงนี้นะคะ?”
“อื้อ ตรงนั้นแหละ”
เธอก้มลงขยับเชิงเทียนที่สะท้อนแสงไฟเพดานวาววับเพื่อให้มีที่ว่างมากพอสำหรับภาชนะในถาดเงิน มือที่หยาบกร้านจากการทำงานหยิบถ้วยแก้วแบบมีก้านสองใบวางลงบนโต๊ะ ในถ้วยมีไอศกรีมหน้าตาน่าทานที่ประดับด้วยวิปครีมและองุ่นแดงกับใบมิ้นต์ ช้อนเงินคันเล็กกับผ้าเช็ดปากอีกสองชุดถูกวางลงข้างกัน
“ไอศกรีมรัมเรซินค่ะ”
“ขอบคุณนะ วากิซัง”
เธอเหลือบมองเด็กสาวที่หัวโต๊ะอีกครั้งเมื่อสัมผัสได้ถึงความโล่งใจในน้ำเสียงราบเรียบนั้น ด้วยความที่เลี้ยงดูเด็กคนนี้มาตั้งแต่ยังแบเบาะ เธอค่อนข้างมั่นใจว่าถ้านิชิคิโนะ มากิ มีอะไรผิดปกติไปล่ะก็ เธอจะต้องเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นอย่างแน่นอน และครั้งนี้ก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ชัดเจนว่าเธอคิดไม่ผิด
“ดิฉันขอเก็บจานอาหารนะคะ”
“ม-ไม่ต้อง!”
คราวนี้น้ำเสียงนั้นฟังดูไม่นิ่งอย่างเก่า มากิยกมือข้างหนึ่งขึ้นห้ามเธอที่ทำท่าจะเดินเข้าไปหา แม้มองผ่านๆ จะดูปกติดี แต่เมื่อเธอเหลือบมองไปยังมืออีกข้างซึ่งวางอยู่บนโต๊ะก็เห็นว่ามือข้างนั้นกำแน่นจนข้อนิ้วกลายเป็นสีขาว แทบจะกลืนไปกับผ้าปูโต๊ะนั่นอยู่แล้ว
“ให้ทิ้งไว้อย่างนี้เหรอคะ?”
“อะ…” จู่ๆ คนที่นั่งอยู่ก็ไม่พูดต่อ ริมฝีปากเม้มแน่น กลั้นหายใจเป็นเวลาสั้นๆ ก่อนจะตอบรับออกมาเสียงห้วนๆ “อื้อ”
สายตาที่เฉียบคมของคนที่ผ่านโลกมามากจ้องไปยังร่างที่สั่นเทิ้มเป็นระยะอย่างควบคุมไม่อยู่ ท่าทางตอนนี้จะไม่ใช่เวลาที่เธอควรจะมาขัดจังหวะจริงๆ
“คุณหนูคะ”
“อะไร?” เสียงนั้นเพี้ยนสูง ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับนิชิคิโนะ มากิได้เลยในเวลาปกติ
“ติดกระดุมผิดเม็ดค่ะ”
มือข้างหนึ่งของมากิคว้าหมับเข้าที่คอเสื้ออย่างรวดเร็ว คราวนี้ใบหน้าแดงก่ำจนเห็นได้ชัด กระดุมเม็ดบนสุดที่ถูกละเลยทำให้กระดุมเม็ดอื่นๆ ไล่เรียงลำดับมาผิดไปหมด จังหวะที่มือข้างนั้นจับกระดุมเม็ดบน คอเสื้อที่เปิดกว้างขึ้นเล็กน้อยก็ทำให้คนตาไวอย่างเธอมองเห็นรอยแดงเล็กๆ บนผิวขาวละเอียดได้ทันที
“ขอตัวก่อนนะคะ คุณหนู”
ไม่มีเสียงตอบรับใดๆ กลับมา แต่ทางที่ดี เธอรีบออกไปให้เร็วที่สุดคงจะดีกว่า เพราะร่างตรงหัวโต๊ะนั้นกำลังพยายามกลั้นเสียงหายใจที่ผิดจังหวะอยู่สุดชีวิต และถ้าขืนเธอยังชักช้าไปมากกว่านี้ คุณหนูของเธออาจจะขาดใจตายไปเลยก็ได้
เกิดเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเมื่อเธอหยิบพวงกุญแจที่มีกุญแจของห้องต่างๆ ในบ้านหลังนี้คล้องอยู่ขึ้นมา
“ครั้งนี้ดิฉันจะล็อคประตูให้ คราวหน้าอย่าลืมล็อคประตูอีกนะคะ คุณหนู คุณยาซาว่า”
จากนั้นบานประตูก็ปิดลงพร้อมเสียงคลิ๊กเมื่อมันถูกล็อคจากด้านนอก ความเงียบในห้องถูกทำลายลงอย่างช้าๆ ด้วยเสียงหอบหายใจที่ดูจะแรงขึ้นทุกขณะ
“วากิซังไปแล้วไม่ใช่เหรอ? ร้องออกมาดังๆ เลยสิ”
เสียงเล็กๆ ดังมาจากใต้โต๊ะราวกับเสียงของปีศาจที่ซุกซนตัวน้อยๆ มือของเด็กสาวผมแดงที่กำแน่นอยู่บนโต๊ะขยับจิกผ้าปูสีขาวสะอาดที่น่าสงสารจนยับย่น จานอาหารที่มีเพียงคราบซอสหลงเหลืออยู่ถูกผลักออกไปกลางโต๊ะขณะที่มากิฟุบหน้าลง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผืนผ้าครั้งแล้วครั้งเล่า
“นิโกะ…” เสียงสั่นเครือเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก “นิโกะจัง…นิโกะ….จัง…”
“เมื่อกี้มากิจังอดทนได้ดีมากเลย นิโกะจะให้รางวัลตอบแทนที่พยายามนะ ♥”
เสียงครางสลับกับเสียงหอบหายใจดังสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง เช่นเดียวกับชื่อของกันและกันที่เอ่ยซ้ำไปมาราวกับร่ายมนตร์ ร่างบนเก้าอี้สั่นเทิ้ม เส้นผมสีแดงส่วนหนึ่งลีบติดกับผิวที่ชื้นเหงื่อและร้อนระอุ ขาที่สอดเข้าไปใต้ผ้าปูโต๊ะยาวถึงพื้นถูกมือเล็กๆ สองข้างตรึงเอาไว้แน่น
ในที่สุด ร่างนั้นก็เกร็งตัวขึ้น เสียงหวานที่แหลมสูงดังกลบคำรักที่อีกฝ่ายพร่ำกระซิบบอก
ผ้าปูโต๊ะขยับไหวขณะที่ร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ ขยับตัวออกมาจากเงามืด ใบหน้าที่ดูไร้เดียงสามีรอยยิ้มที่ห่างไกลจากคำว่าไร้เดียงสาที่สุดในโลกประดับอยู่บนนั้น ดวงตาสีแดงจับจ้องใบหน้าที่เหนื่อยอ่อนอย่างมีเลศนัย
“มากิจังน่ารักมากๆ เลย” เธอพูดเสียงแผ่ว ดันเก้าอี้ออกเล็กน้อยให้ตัวเองสามารถลุกขึ้นยืนได้ ก่อนจะจับร่างที่อ่อนแรงปวกเปียกเหมือนตุ๊กตาให้เอนพิงพนักเก้าอี้ โน้มตัวลงจูบริมฝีปากนุ่มคู่นั้นอย่างอ่อนโยน
มากิค่อยๆ ลืมตาขึ้นเมื่อสัมผัสบนริมฝีปากจางหายไป สายตามองเห็นแผ่นหลังเล็กๆ เดินห่างออกไปเล็กน้อย อยากจะเอ่ยถามว่าอีกฝ่ายจะไปไหน แต่สมองที่ยังทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพกลับนึกหาคำพูดไม่ออก
จนกระทั่งเมื่อนิโกะเดินกลับมายืนพิงกับโต๊ะ ในมือถือถ้วยแก้ว ส่วนอีกมือตักของหวานท่าทางน่าทานเข้าปาก
“อร่อยจัง มากิจังจะเอาบ้างมั้ย?”
มากิอ่านแววตาคู่นั้นออกทะลุปรุโปร่ง
“นิโกะจัง…” น้ำเสียงนั้นยังติดหอบเล็กน้อย มากิกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผากอย่างยากเย็น ขยับขาทั้งสองข้างหุบเข้าหากัน “ถ้าจะทำต่อล่ะก็ ย้ายไปที่ห้องนอนสิ”
“มากิจัง อ้าม~”
ไม่ฟังกันเลยไม่ใช่เหรอแบบนี้น่ะ…
ดวงตาสีม่วงมองเลยช้อนสีเงินที่จ่ออยู่ตรงหน้าไปยังดวงตาสีแดงที่มีแววสนุกสนาน เธอถอนหายใจก่อนที่จะอ้าปากงับลงบนช้อนคันนั้น แต่ก็พบแค่อากาศว่างเปล่า
นิโกะดึงช้อนไอศกรีมออกอย่างรวดเร็วก่อนจะขยับข้อมือป้อนไอศกรีมคำนั้นให้ตัวเอง มากิมองคนตัวเล็กด้วยแววตาขุ่นเคือง แก้มแดงเรื่อขึ้นมาอีกด้วยความอาย
“แกล้งกันอีกแล้วนะ! นิโกะ-”
เสียงขาดหายไปในลำคอเมื่อเจ้าของชื่อก้มลงมาแนบชิด สิ่งแรกที่สัมผัสได้คือลมหายใจอุ่นร้อน ตามมาด้วยริมฝีปากและปลายลิ้นที่เคลือบไปด้วยรสหวานของรัมเรซิน สุดท้ายคือความเย็นจากไอศกรีมซึ่งละลายหายไปแทบจะในทันที มากิหลับตาลงตามสัญชาตญาณ ปล่อยให้อีกฝ่ายชักนำไปตามแต่จะปรารถนา กระดุมที่ติดผิดทั้งแถวถูกปลดออกอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
ราวกับถูกกระชากให้ตื่นจากห้วงความฝัน ดวงตาสีม่วงเบิกกว้างขึ้นในทันทีเมื่อสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก และพอก้มลงมองก็เห็นไอศกรีมทั้งลูกโปะอยู่บนเนินอก ส่วนที่เริ่มละลายไหลหยดลงไปตามผิวเนียนอย่างช้าๆ มือข้างหนึ่งของเด็กสาวผมดำวางถ้วยแก้วที่ตอนนี้วางเปล่าลงบนโต๊ะ
“นิโกะจัง!!!”
“เผลอทำหกซะแล้วล่ะ นิโกะเนี่ย ซุ่มซ่ามจริงๆ เลย”
ร่างกายสั่นสะท้านขึ้นอีกหนเมื่อลิ้นสากลากผ่านรอยกัดที่เพิ่งได้รับมาไม่นานก่อนหน้านี้ เสียงที่อยากจะเอ่ยต่อว่าก็กลายเป็นเสียงเบาหวิวไร้น้ำหนัก ความคิดวุ่นวายต่างๆ ในหัวค่อยๆ จางลงกลายเป็นสีขาว มีเพียงเสียงเล็กๆ ของคนตรงหน้าเท่านั้นที่แทรกผ่านเข้ามาในโสตประสาท
“เดี๋ยวนิโกะจะรับผิดชอบด้วยการทำความสะอาดให้เองนะ”
—————————————————————————————————
*A/N:
ขอโควทศรีมา “ใครสั่งใครสอนให้เอาของกินมาเล่นแบบเน้ O]-[“
ชื่อเรื่องเอามาจากตอนที่สึบาสะบอกว่านิโกะเป็นปีศาจที่น่ารักค่ะ อ่านที่เขียนดูแล้ว นิโกะในเรื่องนี้เป็นนิโกะจากมังงะแน่ๆ //w\ //ติ่งเป็นการส่วนตัว